ปฏิเสธไม่ได้ว่า กาแฟดริป กลับมามีอิทธิพลอย่างมากในวงการกาแฟไทย เพราะไม่ว่าจะร้านกาแฟเก่า คาเฟ่ผุดใหม่ หรือแม้แต่คอกาแฟก็หันมาสนใจการชงกาแฟแบบดริปมากขึ้น วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับกาแฟดริปที่ว่านี้ ว่ามีที่มาจากไหน เกิดขึ้นที่ใด และมีวิธีชงง่ายๆได้อย่างไรบ้าง

กาแฟดริป (Drip Coffee) คืออะไร และ ถือกำเนิดจากที่ไหน ?

กาแฟดริป คือกาแฟที่ได้จากการชงด้วยกรรมวิธีพิเศษ ทำโดยกระบวนการเทน้ำร้อนให้ไหลผ่านผงกาแฟบดที่ถูกบรรจุเหนือแผ่นกรอง ก่อนจะถูกสกัดเป็นกาแฟลงสู่ภาชนะรองเบื้องล่าง เป็นวิธีที่ใช้ การหยด หรือ Dripping ของน้ำร้อนเพื่อได้มาซึ่งเครื่องดื่มสีน้ำตามเข้ม ผลิตภัณฑ์กาแฟที่ได้มักอยู่ในรูปแบบของ กาแฟดำ หรือ อเมริกาโน สามารถนำไปเป็นเบสกาแฟ ปรุงรสชาติ เติมนม ดัดแปลงเป็นเมนูอื่นๆได้อีก และถึงแม้ว่ากรรมวิธีการชงกาแฟแบบนี้ จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในปัจจุบันและนิยมชงทานที่บ้านของเหล่าคอกาแฟโฮมเมด แต่ความจริงแล้ว กาแฟดริป ที่ว่านี้ มีมานานแล้วหลายศตวรรษ

ย้อนกลับไปในช่วงศตวรรษที่ 19 กาแฟดริป (Drip Coffee) ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศส ขณะนั้นสามารถทำได้จากการนำผงกาแฟบดใส่ลงในภาชนะที่เป็นช่องระหว่างหม้อและเติมน้ำร้อนจากด้านบน น้ำจะไหลซึมผ่านกาแฟและตกลงสู่ภาชนะเสิร์ฟด้านล่าง ด้วยวิธีทำที่ง่ายและใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่อย่าง ทำให้กรรมวิธีการชงกาแฟแบบนี้ตอบโจทย์คอกาแฟยุคนั้นไม่น้อยและแพร่หลายเป็นวงกว้างในเวลาต่อมา ภายหลัง วงการดริปกาแฟได้มีวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่อีกรอบในปี 1908 จากหญิงชาวเยอรมนี Amalie Auguste Melitta Bentz ผู้คิดค้นอุปกรณ์แผ่นกรองกาแฟ และจดสิทธิบัตรอย่างเป็นทางการ กลายมาเป็นแผ่นกรองกาแฟทรงกรวยแบบที่เราเห็นในปัจจุบัน

กาแฟดริป ต่างจาก กาแฟสกัดปกติทั่วไปอย่างไร?

กาแฟดริป ต่างจาก กาแฟสกัดปกติทั่วไปอย่างไร ?

กาแฟดริป จะได้จากการชงที่ต้องอาศัยการเตรียมอุปกรณ์พิเศษและกระบวนการทำแบบเฉพาะตัว อันได้แก่ การส่งผ่านน้ำร้อนให้ไหลผ่านกาแฟบดจากบนลงล่างในภาชนะพิเศษ 2 อย่างพร้อมตัวกรองและแผ่นกรอง กรรมวิธีนี้สามารถเรียกได้ว่า เป็นการไหลของน้ำร้อนผ่านตัวกาแฟก่อนจะ หยด (Dripping) ออกมาเป็นกาแฟ จนเราเรียกว่า “Drip Coffee” ในขณะที่การชงกาแฟอื่นๆทั่วไป มักทำผ่านเครื่องชงกาแฟหลากรูปแบบ เช่น Espresso Machine / Portable Espresso Maker / French Press หรือ Moka Pot ที่มีทั้งระบบอัตโนมัติและแมนนวล โดยการชงกาแฟปกติไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นกรอง ส่วนในแง่มุมของ ระยะเวลา การดริปกาแฟจะใช้เวลาในการชง 3 – 10 นาทีโดยประมาณ ในขณะที่การชงกาแฟปกติด้วย Espresso Machine จะใช้เวลาที่เร็วมากๆเพียง 25 วินาที ส่วนการสกัดเย็น (Cold Brew) จะใช้เวลา 18 ชั่วโมง

ข้อดีและประโยชน์ของกาแฟดริป

ถ้าจะให้พูดกันตามตรง กาแฟดริป มีวิธีการทำที่ง่าย สะดวก ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียงไม่กี่อย่างและใช้ระยะเวลาชงเพียงไม่กี่นาที ที่สำคัญ วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับดริปกาแฟ ก็สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดปัจจุบัน Custom ได้ตามใจชอบ ตอบโจทย์ทั้งคนอยู่บ้านและคอนโด ไม่ว่าจะมีพื้นที่ชงกาแฟแค่มุมเล็กๆของบ้าน ก็ไม่เป็นปัญหา นอกจากจะเซฟเวลาก็ยังเซฟเงินค่ากาแฟรายวันได้อีกต่อหนึ่ง ในแง่ของรสชาติและกลิ่นสัมผัส กาแฟดริป ที่มักอยู่ในรูปของกาแฟดำตั้งแต่เริ่ม จะให้กลิ่นหอมและรสชาติที่พิเศษ ชูโรงลักษณะเฉพาะของเมล็ดกาแฟนั้นๆออกมาได้ นอกจากนี้ ความพิเศษของกาแฟดำที่ได้จากดริปกาแฟ ยังช่วยเสริมสุขภาพ เหมาะกับสายคุมอาหาร หรือ ลดน้ำหนัก

รู้ก่อนเข้าวงการ กาแฟดริป ต้องใช้อุปกรณ์อะไร มีวิธีทำอย่างไรแบบ Step by Step!

รู้ก่อนเข้าวงการ กาแฟดริป ต้องใช้อุปกรณ์อะไร มีวิธีทำอย่างไรแบบ Step by Step !

อุปกรณ์สำคัญของการดริปกาแฟ

  1. เครื่องบดเมล็ดกาแฟ (Coffee Grinder) : ในหมู่คอกาแฟมักแนะนำให้ใช้ เครื่องบดแบบหมุนมือ (Manual Coffee Grinder) เนื่องจากความสะดวกง่าย และ การบดแบบมือให้ความหยาบของกาแฟที่ดีต่อการดริป
  2. ดริปเปอร์ (Dripper) : ดริปเปอร์คือภาชนะส่วนบน ลักษณะคล้ายแก้วใช้สำหรับใส่กาแฟเพื่อดริป หลักๆมีด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่
    • ดริปเปอร์ทรงกรวย (Cone) : ให้รสชาติกาแฟที่นุ่มนวล พอดี หาซื้อง่าย ดีไซน์สวย เป็นที่นิยมมากที่สุด ตัวอย่างเช่น Hario V60 ที่มาพร้อมหูจับไม่ต้องกลัวร้อนมือ ดีไซน์ร่วมสมัย สีสวย ราคาย่อมเยา
    • ดริปเปอร์ทรงคางหมู (Trapezoid) : ให้รสชาติกาแฟจะให้ความเข้มข้นพิเศษ
    • ดริปเปอร์ทรงกระบอก (Cylindrical Shape) : ให้รสชาติกาแฟที่อ่อนเบาบาง ดื่มง่าย
  3. กระดาษกรอง (Filter) : แผ่นหรือกระดาษกรอง สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องมี มักมาเป็นรูปแบบกระดาษ มีทั้งแบบหยักและแบบเรียบ
  4. กาน้ำ สำหรับดริปกาแฟ (Drip Kettle) : กาน้ำที่ใช้สำหรับดริปกาแฟ มักมีคอของกาเป็นลักษณะเรียวยาว โค้งมน และปลายแหลม เพื่อสะดวกและง่ายต่อเท สามารถควบคุมน้ำหนักและความช้าเร็วได้ง่าย
  5. เครื่องชั่งดิจิตอล (Digital Timer Scale) : สำหรับตวงปริมาณกาแฟให้พอดีกับที่ต้องการ
  6. ภาชนะสำหรับตวง : อุปกรณ์เสริมที่มักมาคู่กันกับเครื่องชั่ง

วัตถุดิบหลัก ที่เป็นดั่งพระเอกชูโรง ได้แก่ เมล็ดกาแฟ : สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก คือ สายพันธุ์อาราบิก้า ระดับคั่วอ่อนถึงกลาง เนื่องจากจะให้ความหอมและเข้มในแบบพอดี แต่หากใครสายเติมนมหรืออยากได้รสชาติเข้มๆ สามารถผสมเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า ส่วน ระดับการบดของเมล็ดต้องอยู่ในระดับ Medium Grind หรือ บดหยาบ เพื่อให้พอดีและเหมาะสมกับกรรมวิธีการชงแบบดริปมากที่สุด

 

วิธีการดริปกาแฟ Step By Step

  1. เตรียมน้ำร้อนและบดกาแฟ
    • ต้มน้ำในปริมาณอย่างน้อย 20 ออนซ์ หรือ 600 กรัม เตรียมในกาสำหรับชง
    • นำเมล็ดกาแฟในปริมาณ 20 – 30 กรัม มาบดหยาบ (Medium Grind) หากใช้สายตาวัดจะมีลักษณะเทียบเท่าน้ำตาลทรายหรือเกลือทะเล
  2. เริ่มชงกาแฟแบบดริป
    • วางกระดาษกรองลงบนภาชนะดริปเปอร์ แล้วรินน้ำร้อนลงทั่วกระดาษ วิธีนี้เป็นการวอร์มแผ่นกรองเพื่อลดกลิ่นกระดาษและชูกลิ่นกาแฟ
    • จากนั้นเทกาแฟบดลงไปตรงกลางของดริปเปอร์ เกลี่ยให้เรียบพอประมาณ วางดริปเปอร์ลงบนโถหรือแก้วที่เราจะต้องบรรจุกาแฟ แล้วเริ่มต้นดริป
    • รอบแรก ให้ค่อยๆรินน้ำร้อนลงบนผงกาแฟบดช้า ๆ วนเป็นวงกลมรูปก้นหอย จากนอกสุดมาในสุด ใช้เวลาริน 10 – 15 วินาที ปล่อยให้น้ำไหลผ่านกาแฟจนถึง 30 วินาที รอบนี้จะได้กาแฟปริมาณ 60 กรัม
    • รอบที่สอง ให้รินน้ำร้อนแบบเดิม สลับวนจากนอกเข้าใน และในออกนอก รอบนี้จะใช้วิธีรินเร็วและแรงขึ้น เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมากขึ้นและเพื่อเป็นการคนผงกาแฟให้ทั่วกันไปในตัว จะได้ปริมาณกาแฟรวมอยู่ที่ 150 กรัม (ใช้เวลาประมาณ 2 นาที)
    • ในรอบที่ 3 ให้ใช้วิธีรินน้ำแบบเดียวกับรอบที่ 2 จะได้ปริมาณกาแฟรวม 250 กรัม
    • ในรอบที่ 4 รอบสุดท้าย จะใช้น้ำร้อนประมาณ 100 กรัม ให้รินช้า ๆ แบบเบามือ ใช้เวลาริน 20 วินาที และรอสกัดให้เสร็จ
  3. ได้กาแฟดริปสมใจ
    • น้ำกาแฟที่ได้จากการดริปเมื่อครู่ จะอยู่ที่ปริมาณ 350 กรัมหรือเทียบเท่า อยู่ในรูปแบบของกาแฟดำ หรือ อเมริกาโน สามารถเทใส่แก้วดื่มได้ทันที หรือ นำไปปรุงรสชาติ เติมนมได้ตามต้องการเป็นอันเสร็จ

จะเห็นได้ว่า กาแฟดริป นอกจากจะมีวิธีทำที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ชงง่าย – ดื่มสะดวก กรรมวิธีและที่มาที่ไปก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ยังไม่นับรวมวัตถุดิบที่คัดสรรได้ตามใจชอบ อุปกรณ์ที่หาซื้อได้แบบแยกชิ้น จะมีครบเครื่องหรือบางส่วนก็สามารถชงกาแฟดริปได้ดังใจ ดื่มด่ำกับกาแฟได้ง่ายด้วยตัวเองที่บ้าน