สำหรับใครที่กำลังสนใจหรือมีความคิดอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ขอบอกเลยว่าในปี 2022 เป็นอีกหนึ่งปีที่มีความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกกำลังมีการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเองก็เริ่มมีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น
แต่การเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟในปัจจุบันก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายไปทั้งหมด ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจคาเฟ่ที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เจ้าของร้านจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนธุรกิจให้รอบคอบ อย่างการคำนวณเงินลงทุน การหาหุ้นส่วน (Partner) ที่มีความรู้ในการทำธุรกิจ การวางแผนค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อาจตามมาในอนาคต และอีกสิ่งสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือการเตรียมอุปกรณ์ร้านกาแฟ
ผู้ประกอบการมือใหม่ที่ไม่ได้มีความรู้หรือประสบการณ์ในแวดวงร้านกาแฟ คาเฟ่มาก่อน อาจเกิดความรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออะไรบ้าง เตรียมอะไรก่อนดี จะไปซื้อหน้าร้านหรือจะลองซื้ออุปกรณ์ร้านกาแฟออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายที่มากกว่าแบบไหนจะดีกว่ากัน ในวันนี้ Aroma จะพามาไขข้อสงสัยแชร์เคล็ดลับแบบหมดเปลือกให้ผู้ประกอบการมือใหม่ มาทราบไปพร้อมกันเลย
3 เคล็ดลับที่ผู้ประกอบการต้องรู้ ก่อนเปิดร้านกาแฟ คาเฟ่
ก่อนจะไปช้อปปิ้งออนไลน์เลือกซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบในการเปิดร้านกาแฟ ในวันนี้ Aroma ได้ไปรวบรวมข้อมูลสำคัญๆ มาให้ผู้ประกอบการมือใหม่ทุกคนรู้ไปพร้อมกัน ดังนี้
1.เลือกประเภทของเครื่องชงกาแฟที่ชอบในสไตล์ที่ใช่
ในปัจจุบันการเปิดร้านกาแฟให้สามารถสร้างยอดขายและกำไรแบบมหาศาล สิ่งสำคัญคือ การ ”ฟังเสียงลูกค้า” รู้จักการสำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเชิงลึกต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุงรูปแบบการบริการของร้านว่าจะมีทิศทางหรือสไตล์ของร้านเป็นอย่างไรเพื่อให้ตอบโจทย์มากที่สุด ตัวอย่างเช่น
ในกรณีที่เป็นร้านกาแฟ คาเฟ่แบบทั่วไป
- เครื่องชงกาแฟแบบใช้แรงดันไอน้ำ (Espresso Machine) เป็นเครื่องชงกาแฟที่พบเห็นได้บ่อยตามร้านกาแฟ คาเฟ่ทั่วไป โดยจะมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบอัตโนมัติ กึ่งอัตโนมัติ และแบบแมนนวล โดยมีเรตราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหลายแสนบาท ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันการทำงานและความสามารถในการผลิตกาแฟสดในจำนวนที่มากขึ้น
แต่หากเจ้าของร้านตั้งเป้าหมายว่าอยากได้กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟแบบ Niche ขึ้นมาหน่อย อย่างกาแฟประเภท Slowbar หรือ Craft Coffee ก็อาจจะเลือกประเภทของเครื่องชงกาแฟให้สอดคล้องกับวิธีการชงต่างๆ ดังนี้
- Drip Coffee สำหรับกรรมวิธีแรกในการชงกาแฟแบบ Slowbar ที่เป็นหนึ่งในกาแฟยอดนิยมคือกาแฟดริป (Drip Coffee) โดยวิธีการชงกาแฟแบบนี้จะใช้วิธีการบดกาแฟด้วยเครื่องบดกาแฟ จากนั้นจะนำกาแฟไปกรองผ่านน้ำร้อน โดยมีตัวกรองกระดาษรองอยู่ จึงทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟตามที่เลือกใช้
- Moka Pot สำหรับกาแฟแบบ Moka Pot โดยพื้นฐานแล้วจะมีกรรมวิธีการชงในหลักการเดียวกันกับเครื่องชงกาแฟแบบ Espresso Machine แต่จะใช้หม้อต้มกาแฟที่เรียกว่า Moka Pot ที่มีการออกแบบกลไกในการชงกาแฟผ่านน้ำร้อนและแรงดัน ทำให้การชงกาแฟผ่านหม้อต้มนี้จะดูมีความคลาสสิกในสไตล์อิตาลี และยังได้รสกาแฟที่มีความหอมกรุ่นอีกด้วย
- Syphon สำหรับเครื่องชงกาแฟแบบ Syphon จะมีวิธีการชงกาแฟผ่านระบบสุญญากาศ โดยมีโหลแก้ว 2 ใบเชื่อมต่อด้วยท่อไซฟอนที่ถูกออกแบบมาให้ปล่อยน้ำไหลผ่าน จากนั้นเมื่อไอน้ำระเหยจะทำกาแฟถูกแรงดัน ดันกาแฟออกจนได้น้ำกาแฟที่ถูกสกัดออกมาพร้อมดื่ม
- Aeropress หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่ากาแฟแบบ French Press ด้วยอุปกรณ์การชงที่ไม่เยอะทำให้ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย แถมยังได้กาแฟที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษและมีรสที่หนักแน่นกลมกล่อมแบบ Full Body อีกด้วย โดยหลักการในการชงกาแฟประเภทนี้คือใช้เครื่อง French Press กรองกาแฟที่ถูกบดมาแล้ว เพื่อให้ได้น้ำกกาแฟสกัดเข้มข้นนั่นเอง
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเป็นแบบไหนก็สามารถคำนวณงบประมาณที่เหมาะสม และเตรียมตัวช้อปปิ้งออนไลน์เพื่อซื้ออุปกรณ์ร้านกาแฟได้เลย อย่างไรก็ตามขอย้ำเตือนกันอีกครั้งว่าในปัจจุบันเทรนด์ของนักดื่มกาแฟในเวลานี้ให้ความสำคัญกับตัวตนหรือสไตล์ของร้านกาแฟเป็นสำคัญ ดังนั้นการเลือกเครื่องชงกาแฟจึงเปรียบเสมือนการบอกว่าร้านนี้มีตัวตนเป็นอย่างไร เจ้าของร้านมีรสนิยมแบบไหน รับรองว่าถ้าทำการบ้านมาอย่างดี เดี๋ยวการตลาดแบบปากต่อปากก็ทำงานให้เองโดยอัตโนมัติอย่างแน่นอน
2.อธิบายตัวตนของร้านคาเฟ่ ผ่านเมล็ดกาแฟที่เลือกใช้
เมื่อมีเครื่องชงกาแฟที่เปรียบเสมือนกับหัวใจของร้านแล้ว การเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ ก็อาจเปรียบได้กับการเป็นกระดูกสันหลังของร้านที่จะคอยขับเคลื่อนให้ร้านสามารถเข้าถึงกลุ่มนักดื่มกาแฟหน้าใหม่ได้ตลอดเวลา โดยพื้นฐานแล้วร้านกาแฟ คาเฟ่ ในปัจจุบันนิยมเลือกเมล็ดกาแฟตามสองสายพันธุ์หลักๆ ดังนี้
- กาแฟสายพันธ์ุอาราบิก้า เป็นหนึ่งในกาแฟสายพันธุ์ยอดนิยมที่มีความเก่าแก่มาอย่างยาวนาน โดยจะมีรสชาติที่กลมกล่อม มีความนุ่มนวล และมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำ ทำให้กาแฟพันธุ์อาราบิก้าได้รับความแพร่หลายและมีการปลูกในหลายประเทศทั่วโลก
- กาแฟสายพันธ์ุโรบัสต้า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่าอาราบิก้า โดยจะมีคาเฟอีนที่สูงกว่า รสชาติจะออกเปรี้ยวและหอมฉุนกว่า และมีระดับราคาที่ถูกกว่าอาราบิก้า เพราะได้รับความนิยมน้อยกว่านั่นเอง
ฟังอย่างนี้แล้วอาจจะรู้สึกว่าการเลือกเมล็ดกาแฟก็ดูไม่น่าจะยากสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริง หากลองไปดูในตลาดซื้อขายเมล็ดกาแฟจะพบว่าการเลือกเมล็ดกาแฟให้ตอบโจทย์และตรงใจนับว่าเป็นเรื่องที่ดูซับซ้อนพอสมควรโดยเฉพาะเจ้าของร้านมือใหม่ที่ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับการชงกาแฟมากนัก เพราะในการชงกาแฟสดไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เมล็ดสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง แต่อาจจะมีการเลือกใช้ตามความชอบหรือสูตรเฉพาะของร้าน แถมยังมีเมล็ดกาแฟแบบ Blend ที่มีการผสมผสานในสัดส่วนทั้งสองสายพันธุ์อีกด้วย แถมหากสังเกตที่หน้าซองเมล็ดกาแฟก็จะพบว่ายังมีระดับการคั่วที่จะส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟอีกต่างหาก มากไปกว่านั้นแหล่งเพาะปลูกก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อรสชาติโดยรวยของเมล็ดกาแฟเช่นกัน
ดังนั้นก่อนการเปิดร้านกาแฟอาจจะมีการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มลูกค้าของร้านก่อนว่ามีกำลังซื้อเป็นอย่างไร มีความชอบแบบไหน เพื่อที่จะได้นำมาประเมินดูว่าควรจะเลือกใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ไหนดี เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุนกาแฟไม่ให้เกินงบประมาณมากจนทำให้ร้านขาดทุน ในขณะเดียวกันก็ต้องเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ เพื่อการันตีได้ว่าจะสามารถให้รสชาติและกลิ่นของกาแฟที่ดีที่สุดในทุกๆ แก้วได้นั่นเอง
3.อุปกรณ์ร้านกาแฟอื่นๆ ที่จำเป็น
นอกเหนือจากเครื่องชงกาแฟและเมล็ดกาแฟที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของร้านกาแฟแล้ว อุปกรณ์ร้านกาแฟอื่นๆ ก็ถือว่าสำคัญไม่แพ้ไปกว่ากันเลย ไม่ว่าจะเป็น
- เครื่องบดกาแฟ โดยพื้นฐานแล้วร้านกาแฟ คาเฟ่แบบ Stand Alone ทั่วไปจะมีการแยกเครื่องบดกาแฟออกจากเครื่องชงกาแฟ โดยเรตราคาของเครื่องบดกาแฟก็จะแตกต่างออกไปตามฟังก์ชันการใช้งาน ยิ่งเครื่องบดกาแฟที่มีราคาแพงก็จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น
- อุปกรณ์ทำความสะอาด ความสะอาดของร้านถือเป็นสิ่งสำคัญและถือเป็นอีกหนึ่งจุดชี้วัดว่าร้านของคุณจะสามารถแข่งขันในตลาดร้านกาแฟ คาเฟ่ในปัจจุบันนี้ได้หรือไม่ ฉะนั้นการดูแลความสะอาดของเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดกาแฟ ไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ และภาชนะที่ใช้ในการเสิร์ฟ จึงถือเป็น Priority อันดับแรกๆ ที่เจ้าของร้านกาแฟมือใหม่ควรให้ความสำคัญ
- อุปกรณ์สำหรับเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ ร้อยละ 90% ของร้านกาแฟในปัจจุบันมีเมนูที่เป็น Signature ประจำร้าน เพื่อเป็นการสร้างจุดเด่นและช่วยดึงดูดนักดื่มหน้าใหม่ที่ในบางครั้งอาจไม่ถนัดการดื่มเมนูกาแฟแบบคลาสสิกทั่วไป ดังนั้นการมีวัตถุดิบอื่นๆ นอกจากเมล็ดกาแฟอย่างผงโกโก้ ผงชา ไซรัป ท็อปปิ้ง และอื่นๆ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยให้ร้านเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น
Aroma Thailand ศูนย์รวมธุรกิจร้านกาแฟสดครบวงจร
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเทคนิคเคล็ดลับในการเลือกอุปกรณ์ร้านกาแฟ ที่ Aroma ได้นำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสดที่มีคุณภาพ ความพรีเมียมของวัตถุดิบเมล็ดกาแฟราคาส่ง และหลากหลายอุปกรณ์ร้านกาแฟที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี สามารถเข้ามาเลือกช้อปปิ้งออนไลน์ได้ที่ Aroma เพราะที่นี่เปรียบได้กับเป็นศูนย์รวมธุรกิจร้านกาแฟสดแบบครบวงจร มีบริการต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
1.การคัดสรรวัตถุดิบที่ตรงใจนำเข้าอุปกรณ์ร้านกาแฟระดับพรีเมียม
กาแฟที่ให้รสชาติกลมกล่อม ให้กลิ่นที่หอมละมุน ต้องเริ่มต้นจากเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพผ่านเครื่องชงกาแฟสดที่ได้มาตรฐาน ที่ Aroma ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟมากประสบการณ์หรือผู้ประกอบการมือใหม่ที่สนใจธุรกิจร้านกาแฟ ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ เครื่องชงกาแฟ และใบชา โกโก้ ไซรัปและน้ำผลไม้ รวมถึงอุปกรณ์ร้านกาแฟอื่นๆ ได้แบบครบๆ จบในที่เดียว รับรองว่าสามารถตอบสนองต่อผู้ที่กำลังมีความคิดอยากเปิดร้านกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.ร้านค้าปลีก Aroma Shop
Aroma Thailand เราให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ นอกจากการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์แล้ว ใครที่ต้องการคำปรึกษาในการเลือกซื้อสินค้า ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อได้ที่ในร้าน Aroma Shop โดยในปัจจุบันมีทั้งหมดกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ
3.สถาบัน Aroma Coffee Academy
สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร สามารถเข้ามาเริ่มต้นได้ที่สถาบัน ACA ที่จะช่วยเสริมความมั่นใจพร้อมให้ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง มีหลักสูตรให้เลือกเรียนได้ตามความต้องการ หากสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
WE ARE AROMA Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน