รสชาติ อโรม่า และสัมผัสของกาแฟ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คอกาแฟรับรู้ได้ว่ากาแฟแก้วนั้นๆ “อร่อย” หรือไม่ ทั้งยังเป็นจุดดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาอุดหนุนร้านอีกด้วย ซึ่งในมุมของธุรกิจกาแฟแล้ว การคัดเลือกเมล็ดกาแฟส่งผลอย่างมากต่อปัจจัยความอร่อยดังกล่าว เพราะหากได้เมล็ดคุณภาพต่ำ ไม่ว่าบาริสต้าจะมีฝีมือแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนรสชาติของกาแฟได้

เชื่อว่าเมื่อต้องสั่งซื้อเมล็ดกาแฟราคาส่ง แม้จะได้ราคาที่ถูกกว่าการซื้อปลีกหรือแหล่งซื้อขายเมล็ดกาแฟระดับท็อป เจ้าของธุรกิจก็อาจมีความรู้สึกกังวลว่าราคาที่ถูกจนเกินไปของเมล็ดกาแฟจะส่งผลต่อคุณภาพ ทั้งความสดใหม่ ความสะอาด และการจัดส่งหรือไม่

ดังนั้น Aroma จะมาแนะนำทริกเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกเมล็ดกาแฟราคาส่งให้ได้เมล็ดคุณภาพดี ตอบโจทย์การใช้งาน และคุ้มค่ามากที่สุด

1. แหล่งเพาะปลูกและสายพันธุ์เมล็ดกาแฟ

หนึ่งในปัจจัยอันดับต้นๆ ที่คอกาแฟตัวยงมักพิจารณาเป็นพิเศษคือ “แหล่งเพาะปลูก” เพราะว่าสภาพแวดล้อมการเพาะปลูกมีผลโดยตรงต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟ หรือที่มักเรียกกันอย่างเป็นทางการว่า ปัจจัยแตร์รัว (Terrior) ที่ประกอบไปด้วยสภาพภูมิอากาศ คุณภาพดิน ความลาดชัน และสิ่งอื่นๆ ในสภาพแวดล้อมการปลูกที่ส่งผลต่อรสชาติเมล็ดกาแฟ พูดง่ายๆ ว่าถึงเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ปลูกคนละที่ ก็มีรสชาติไม่เหมือนกันได้เมื่อพูดถึงเรื่องสายพันธุ์แล้ว 2 ในสายพันธุ์ที่คนไทยนิยมบริโภคมากที่สุดก็หนีไม่พ้น “อราบิก้า (Arabica)” และ “โรบัสต้า (Robusta)” ซึ่งทั้งสองล้วนให้รสชาติที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คือ

  • อราบิก้า – มีระดับคาเฟอีนประมาณ 1.1 – 1.7% มีระดับความหนานุ่มของรสสัมผัสค่อนข้างต่ำ รสชาติโดยรวมจึงไม่เข้มข้นมากนัก แต่ให้ความกลมกล่อมสูงและให้รสเปรี้ยวที่มากกว่าโรบัสต้า
  • โรบัสต้า – ให้รสชาติที่เข้มข้น เนื่องจากระดับคาเฟอีนสูงอยู่ที่ 2 – 4.5% และมีความหนานุ่มของรสสัมผัสที่สูงกว่า แต่ก็มีรสชาติออกฝาดเล็กน้อย เพราะระดับน้ำตาลและระดับกรดที่ต่ำ

พอนำเมล็ดทั้งสองสายพันธุ์มาทำเมนูกาแฟ จะพบว่ารสชาติที่ได้จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของธุรกิจกาแฟว่าต้องการออกแบบเมนูให้มีรสชาติและเอกลักษณ์แบบไหน ร้านส่วนใหญ่อาจเลือกใช้อราบิก้า เพราะมีความกลมกล่อมกว่าในระดับคาเฟอีนที่ไม่มากนัก หรือหากลูกค้าของคุณชอบกาแฟเข้มๆ โรบัสต้าก็เป็นตัวเลือกที่ดี หรือจะเลือกเมล็ดกาแฟราคาส่งแบบ Blend ที่ผสมทั้งสองสายพันธุ์เข้าไว้ด้วยกันก็ได้ นอกจากนี้ระดับการคั่วและการบดก็มีผลต่อรสชาติด้วยเช่นกัน

2. สังเกตวันผลิตและวันหมดอายุให้ดี

เจ้าของธุรกิจกาแฟมือใหม่อาจคิดว่าเพียงเลือกถุงเมล็ดกาแฟราคาส่งที่ไม่หมดอายุก็คงพอ แต่ในความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะระยะเวลาการเก็บรักษานั้นส่งผลอย่างมากต่อเมล็ดกาแฟ โดยกาแฟจะปล่อยกลิ่นหอมออกมามากที่สุดหลังคั่วเสร็จใหม่ๆ และจะลดลงเรื่อยๆ ตามเวลา ซึ่งเมล็ดกาแฟส่วนมากนั้นจะเก็บได้นาน 6 – 12 เดือน ดังนั้นเพื่อรสชาติและกลิ่นที่สมบูรณ์ที่สุด จึงควรเลือกกาแฟคั่วใหม่ ดูวันเดือนปีที่ผลิตและวันหมดอายุ และเลือกผู้จำหน่ายที่สามารถเชื่อถือในเรื่องนี้ได้ ร้านกาแฟก็จะสามารถดึงรสชาติความอร่อยออกมาได้ดีที่สุดนั่นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงไว้คือ หลังเปิดถุงแล้วควรใช้เมล็ดกาแฟให้หมดภายใน 1 สัปดาห์จะดีที่สุด เพราะปัจจัยต่างๆ เช่น อากาศ ความชื้น และแสงแดด จะส่งผลให้คุณภาพเมล็ดกาแฟลดลงไปเรื่อยๆ หรืออาจส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ทำให้กาแฟเสียรสชาติทันที

3. ระบบการขนส่งเมล็ดกาแฟ

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าระยะเวลาส่งผลอย่างมากต่อรสชาติของกาแฟ คุณจึงควรสอบถามกับแหล่งซื้อขายเมล็ดกาแฟเกี่ยวกับการขนส่ง ว่าระยะเวลาในการขนส่งนั้นนานเท่าไหร่ เป็นการขนส่งจากแหล่งผลิตโดยตรงหรือต้องผ่านจุดกระจายสินค้าอีกหรือไม่ และมีการแพ็กสินค้าแน่นหนาเรียบร้อยหรือเปล่า รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้อาจดูจู้จี้จุกจิกไปบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญถ้าเจ้าของธุรกิจกาแฟต้องการให้เมนูของตัวเองอร่อยเหนือกว่าคู่แข่ง

แนะนำแหล่งซื้อเมล็ดกาแฟสดราคาส่งจาก Aroma

หากคุณเป็นผู้ประกอบธุรกิจกาแฟและกำลังมองหาเมล็ดกาแฟราคาส่งคุณภาพเยี่ยม ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล เพราะที่ Aroma เรามีเมล็ดกาแฟสด วัตถุดิบร้านกาแฟ และอุปกรณ์ร้านกาแฟครบครันให้เลือกอย่างไม่รู้จบ 

โดยสามารถช้อปออนไลน์ได้อย่างสะดวกผ่าน Coffee 2U แอปพลิเคชั่นร้านกาแฟที่คนในวงการต่างเลือกใช้ เพราะมีสินค้ากาแฟกว่า 1,000 รายการ บริการขนส่งถึงหน้าร้าน และบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ ไม่ต้องออกไปข้างนอก ก็มีเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงมาส่งหน้าร้านแล้ว

ดาวน์โหลด Coffee 2U ผ่าน App Store

ดาวน์โหลด Coffee 2U ผ่าน Play Store

หรือ เลือกช้อปผ่านเว็บไซต์ของ Aroma Thailand โดยตรง: aromathailand.com

WE ARE AROMA

Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน