NICARAGUA COFFEE

อโรม่า กรุ๊ป ชวนคุณมากระชับความสัมพันธ์กับกาแฟจากประเทศนิการากัวอันเลื่องชื่อระดับ Top 5 ของโลกให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น

.

ปัจจุบันการดื่มกาแฟสักแก้วไม่ได้มีคุณค่าเพียงแค่การเพิ่มความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าให้กับผู้คนเท่านั้น หากแต่การดื่มกาแฟได้กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่มาพร้อมกับศิลปะแห่งการชง ตลอดจนศาสตร์แห่งสายพันธุ์ การปลูก และการผลิตเพื่อให้ได้กาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในวันนี้เราจึงอยากชวนคุณไปทำความรู้จักกับแหล่งปลูกกาแฟของประเทศนิการากัว ซึ่งกาแฟจากประเทศนี้ เป็นกาแฟที่ผู้บริโภคกาแฟทั่วโลกต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดีในเรื่องของคุณภาพ จนติดอันดับ Top 5 ของโลก ประจำปี 2563 เลยทีเดียว

ประวัติความเป็นมาของกาแฟนิการากัว (NICARAGUA)

ประเทศนิการากัวเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในแถบอเมริกากลาง แต่กลับมีประชากรน้อยมากที่สุด ถึงแม้ว่าประเทศนี้จะมีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 10,000 ปี แล้วก็ตาม โดยจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประเทศนิการากัวกลายเป็นเมืองหลวงของแหล่งกาแฟโลกนั้น เริ่มต้นขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1790s เมื่อเหล่าบรรดามิชชันนารีผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้ และได้พลิกฟื้นสภาพเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศนี้ด้วยการสอนให้ผู้คนรู้จักกับกาแฟและการปลูกกาแฟ โดยพบว่ามีกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ เช่น Typica, Bourbon, Caturra, Maragogype และพันธุ์คลาสสิกอื่นๆ จนทำให้คนพื้นเมืองมีรายได้เพิ่มมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในประเทศนิการากัวจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติจากธรรมชาติอย่างพายุเฮอริเคน ความแห้งแล้ง ตลอดจนการทำรัฐประหาร และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย แต่ผู้คนกลับสามารถตั้งหลักใหม่ได้ในทุกๆ ครั้ง เพราะมีพื้นฐานความรู้ของการทำการเกษตรแบบยั่งยืน ด้วยการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพดี จนสามารถกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลกได้นั่นเอง

.

แหล่งปลูกกาแฟของนิการากัว

1.Nueva Segovia; ผลผลิตกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เมือง Nueva Segovia อยู่ทางตอนเหนือของประเทศนิการากัว เป็นเมืองชายแดนที่มีอาณาเขตอยู่ติดกับเอลซัลวาดอร์ พื้นที่ปลูกกาแฟของที่นี่สูงประมาณ 1,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวผลเชอรี่กาแฟที่สมบูรณ์ที่สุด และมีการแปรรูปแบบเปียก ทำให้ได้กาแฟที่รสชาติสวยงาม มีมิติของรสสัมผัสที่ดี เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในด้านการผลิตรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ มีกลิ่นดอกไม้มากกว่าผลไม้ จึงเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกที่สามารถผลิตกาแฟได้เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลกในอันดับต้นๆ

.

2.Matagalpa; ‘กาแฟเปลี่ยนโลก’ จากเมืองไข่มุกแห่งทิศเหนือ

เมือง “ไข่มุกแห่งทิศเหนือ” และ “ดินแดนแห่งฤดูใบไม้ผลิอันเป็นนิรันดร” และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 7 ของประเทศนี้ และสำคัญมากแห่งหนึ่งของนิการากัว มีสภาพภูมิอากาศหนาวที่เหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลมากกว่า 700 เมตร เป็นพื้นที่ที่มีดินภูเขาไฟอันอุดมสมบูรณ์ กาแฟจากแหล่งปลูกในพื้นที่นี้จึงดูดซึมแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ของดินภูเขาไฟอย่างเต็มที่ ทำให้มีเมล็ดที่ใหญ่กว่ากาแฟจากแหล่งอื่น จึงถูกขนานนามว่าเป็น “กาแฟเปลี่ยนโลก” มาพร้อมกับโทนกลิ่นผลไม้ปะปนกับเครื่องเทศอ่อนๆ ค่อนข้างซับซ้อน ให้รสชาติไปทางอมเปรี้ยว ดาร์คช็อกโกแลต ส้ม และน้ำผึ้งที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว โดดเด่นและต่างจากกาแฟอื่นๆ ในแถบอเมริกากลาง

.

3.Jinotega; เมืองแห่งหมอกที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี

เมือง Jinotega เป็นเมืองที่สามารถผลิตกาแฟได้มากที่สุดของประเทศนิการากัว ผลผลิตกาแฟกว่า 80% มาจากแหล่งปลูกของเมืองนี้ เนื่องจากเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา และมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีจนถูกขนานนามว่า “เมืองแห่งหมอก” กาแฟจากจิโนเทกามีทั้งสายพันธุ์ Caturra และ Bourbon ซึ่งเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมกาแฟ มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ให้รสชาติออกไปในโทนหวานคล้ายช็อกโกแลตผสมคาราเมล และติดเปรี้ยวเล็กน้อย เหมาะสำหรับการนำมาชงเป็นกาแฟเอสเพรสโซ

.

Elephant Bean Coffee

กาแฟสายพันธุ์ Maragogype หรือ Maragogipe ฉายา “กาแฟช้าง”

ในนิการากัวยังพบกาแฟสายพันธุ์ Maragogype หรือ Maragogipe เป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์มาจากกาแฟสายพันธุ์ Typica และมีฉายาว่ากาแฟช้าง เพราะมีเมล็ดที่ใหญ่โดยไม่ได้ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมใดๆ รวมทั้งมีรูปทรงของใบที่ใหญ่ไม่แพ้กัน แต่กาแฟสายพันธุ์นี้ให้ผลผลิตต่ำ และต้องใช้พื้นที่ในการปลูกค่อนข้างมาก จึงทำให้ไม่ค่อยมีเกษตรกรนิยมปลูกกันมากสักเท่าไหร่ แถมยังต้องปลูกบนภูเขาที่มีความสูงตั้งแต่ 2,000 – 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล กาแฟ Maragogype มีความเข้มข้นสูง คล้ายช็อกโกแลตผสมคาราเมล และมีรสหวานอ่อนๆ ของโทนผลไม้ ให้กลิ่นหอมละมุน

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ว่าประเทศนิการากัวจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่กลับใช้ประโยชน์จากทรัพย์ในดินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมหาศาลของดินภูเขาไฟ ทำให้เมล็ดกาแฟที่นี่มีคุณภาพสูง และให้รสชาติที่ละมุนถูกใจนักชิมทั่วโลก และยังมีระบบการจัดการ การพัฒนาที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการทรัพยากรและการบริหารจัดการต่างๆ ได้เป็นอย่างดี จนทำให้มูลค่าของการส่งออกกาแฟของประเทศนิการากัวมีมากถึง 28 % ของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และ 5.4 % ของการส่งออกทั้งระบบของประเทศนิการากัวเลยทีเดียว

และในบทความต่อไป เราจะมาเล่าให้ฟังถึงเรื่องของกาแฟจากประเทศนิการากัว ที่ อโรม่า กรุ๊ป นำเข้ามาจากการประมูลกาแฟของ COE ซึ่งกาแฟที่เรานำเข้ามานั้น ล้วนเป็นกาแฟสายพันธุ์เด่นๆ หลากหลายการแปรรูป ที่มีคุณภาพสูงที่สุดของประเทศนิการากัว เช่น สายพันธุ์ Javanica หรือ Yellow Pacamara ที่มีโปรไฟล์และ Score ที่โดดเด่นในกลุ่มกาแฟที่มาจากประเทศนิการากัวแห่งนี้

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

• https://coffeesesh.com/coffee-nicaragua-everything-you…/

• https://enjoyjava.com/nicaraguan-coffee/

• https://perfectdailygrind.com/…/a-guide-to-coffee…/

• https://equalexchange.coop/history-of-coffee-in-nicaragua

• https://en.wikipedia.org/wiki/Coffee_production_in_Nicaragua

• https://library.sweetmarias.com/…/nicaragua-coffee…/

• https://www.homegrounds.co/nicaragua-coffee/

• https://thecozycoffee.com/nicaraguan-coffee/

• https://espressocoffeeguide.com/…/cof…/nicaragua-coffee/สนับสนุนโดยภาครัฐและเอกชน ก็จะทำให้ตลาดกาแฟพิเศษของไทยเติบโตและพัฒนาขึ้นไปได้อีกอย่างแน่นอน