สำหรับวัยทำงานไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มงานใหม่ๆ หรือทำงานมานานแล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือ “กาแฟ” ที่ต้องดื่มอย่างน้อยวันละแก้ว เพื่อให้มีความกระปรี้กระเปร่าลุยงานได้ตลอดทั้งวัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถดื่มกาแฟได้ตลอด เพราะการเดินทางไปทำงานในตอนเช้าทุกคนก็ต้องพบกับความเร่งรีบในชั่วโมงเร่งด่วน ใครที่ไม่มีเครื่องชงกาแฟเป็นของตัวเองก็ต้องออกไปซื้อกับร้านกาแฟ ซึ่งในหลายๆ ครั้งความเร่งรีบอาจทำให้พลาดโอกาสที่จะดื่มด่ำกับกาแฟดีๆ สักแก้ว

หลายคนจึงอยากให้มีเครื่องชงกาแฟสำนักงานประจำออฟฟิศ เพื่ออำนวยความสะดวกนั่นเอง แต่สำหรับสำนักงานต่างๆ แล้ว อาจจะพิจารณาอยู่ว่าการติดตั้งเครื่องชงกาแฟสำนักงานคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่? Aroma จะมาบอกข้อดีของการมีเครื่องชงกาแฟสำนักงาน เมื่อหัวหน้าทราบแล้ว ต้องรีบซื้อมาติดออฟฟิศอย่างแน่นอน!

การมีเครื่องชงกาแฟสำนักงานติดออฟฟิศ ดีอย่างไร?

ในมุมมองของบริษัทแล้ว การมีเครื่องชงกาแฟสามารถอำนวยความสะดวกให้พนักงานได้ แต่แท้จริงแล้วเครื่องชงกาแฟสำนักงานนั้นมีข้อดีมากกว่าที่คิด ดังนั้นมาดูกันเลยว่าเครื่องชงกาแฟจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

1. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของพนักงาน

สวัสดิการ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงาน ซึ่งหากบริษัทลงทุนกับเครื่องชงกาแฟดีๆ สักเครื่อง ก็จะสามารถช่วยให้พนักงานสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เสมือนกับเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้เครื่องชงกาแฟสำนักงานจะช่วยให้ประหยัดเวลาในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากพนักงานไม่จำเป็นต้องออกไปนอกออฟฟิศเพื่อที่จะซื้อกาแฟจากร้านข้างนอก แค่เดินไม่กี่ก้าวก็ชงกาแฟอร่อยๆ ได้แล้ว

2. เป็นแรงจูงใจในการมาทำงาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนวัยทำงานส่วนใหญ่เป็นคอกาแฟดีๆ นี่เอง เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายตื่นตัวแล้ว กาแฟที่อร่อยยังทำให้พนักงานอารมณ์ดีและอยากมาทำงานในทุกๆ วันนั่นเอง ซึ่งนอกจากเครื่องชงแล้ว เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพก็เป็นส่วนช่วยให้ทุกคนอยากดื่มกาแฟเช่นกัน ทุกคนสามารถที่จะสร้างสรรค์เมนูกาแฟที่ตัวเองชอบได้ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาโนหรือลาเต้จะใส่น้ำตาลมากหรือน้อยก็เลือกได้ตามความชอบ อีกทั้งพนักงานก็จะสามารถใช้เวลาทำงานภายในบริษัทได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การทำงานสามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3. มุมคลายเครียด สร้างไอเดียใหม่ๆ

การมีเวลาพักผ่อนระหว่างวันถือเป็นสิ่งสำคัญต่อคนทำงาน เพื่อให้สมองได้พักเหนื่อยจากการทำงานหนัก ซึ่งถือเป็นการชาร์จพลังงานไปในตัวด้วย โดยเครื่องชงกาแฟสำนักงานนั้นสามารถสร้าง “มุมกาแฟ” ได้ เช่น ภายในห้องครัว ให้พนักงานได้นั่งจิบกาแฟ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกัน ยิ่งหากเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ รับรองว่าอาจกลายเป็นมุมโปรดของใครหลายๆ คนแน่นอน สุดท้ายเมื่อพนักงานมีไอเดียหลากหลาย ผลงานใหม่ๆ ที่ออกมาก็จะมีคุณภาพยิ่งกว่าเดิม

4. ช่วยรักษาสุขภาพของพนักงาน

อาจจะเป็นข้อดีที่หลายคนไม่ได้นึกถึง เพราะหากสุขภาพพนักงานแย่ลง งานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพน้อยลงไปด้วย นอกจากประโยชน์ของการดื่มกาแฟ แต่การมีเครื่องชงกาแฟอยู่ในสำนักงานสามารถช่วยในเรื่องของสุขภาพได้ อย่างแรกคือการมีเมล็ดกาแฟคุณภาพดีและสะอาด อย่างที่สองคือผู้ดื่มสามารถกำหนดปริมาณนมหรือน้ำตาลที่ใส่เข้าไปได้ ซึ่งดีกว่าเมื่อเทียบกับการซื้อกาแฟจากร้านที่ไม่อาจทราบได้ว่ามีการใส่ส่วนผสมอะไรไปมากน้อยขนาดไหน พูดง่ายๆ ว่าเป็นการช่วยกระตุ้นให้พนักงานรักษาสุขภาพทางอ้อม

ที่กล่าวไปข้างต้นก็เป็นประโยชน์ของเครื่องชงกาแฟสำนักงานเบื้องต้น เชื่อว่าผู้ประกอบการท่านใดที่ทราบถึงประโยชน์ต่อพนักงานเหล่านี้ ต้องอยากให้มีเครื่องชงกาแฟติดออฟฟิศบ้างแล้ว แต่คำถามต่อมาก็คือ “ต้องเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับสำนักงานอย่างไร?” ถึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่ง Aroma ขอแนะนำดังนี้

การเลือกเครื่องชงกาแฟสำนักงานให้คุ้มค่า

เกณฑ์การเลือกเครื่องชากาแฟให้คุ้มค่ามีดังนี้

  • คำนึงถึงค่าใช้จ่ายระยะยาว – ในการลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟนั้นไม่ได้จบเพียงครั้งเดียว แต่จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ เช่น เมล็ดกาแฟ ค่าซ่อมแซมหรือค่าเปลี่ยนอะไหล่ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็น ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจ ต้องคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้รอบคอบก่อน
  • ปริมาณกาแฟที่สามารถทำได้ต่อวัน – เครื่องชงกาแฟที่เลือกต้องสอดคล้องกับจำนวนคนในสำนักงานได้ หากเป็นสำนักงานขนาดใหญ่ ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงกาแฟได้หลายแก้วต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการและการใช้งานของพนักงาน
  • ใช้งานสะดวก ดูแลรักษาง่าย – ไม่ว่าจะเป็นในสำนักงานไหนก็ตาม เมื่อมีเครื่องชงกาแฟแล้ว ก็ต้องมีการใช้งานอย่างหนักทุกวันแน่นอน การเลือกเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานง่าย  ดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ก็จะสามารถลดปัญหาเรื่องการพังหรือเสียได้ 

แนะนำเครื่องชงกาแฟสำนักงานจาก Aroma

พอทราบแล้วว่าประโยชน์ของเครื่องทำกาแฟมีอะไร ต้องเลือกซื้ออย่างไร ทีนี้มาดูกันว่าจะมีเครื่องชงกาแฟสำนักงานรุ่นไหน ที่น่าสนใจบ้าง ซึ่ง Aroma ก็ขอยกมา 3 อันดับแรกให้เลือกดูกันเลย

1. Taurino Auto CM2604

เครื่องชงกาแฟแบรนด์ Taurino รุ่น Auto CM2604 ถือเป็น หนึ่งในรุ่นยอดนิยมของ Aroma เลยทีเดียว เพราะเป็นแบรนด์จากประเทศอิตาลี การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานนวัตกรรมการผลิตแบบอิตาเลียนแท้

  • เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสามารถทำเมนูเอสเปรสโซ อเมริกาโน กาแฟดำ และอื่นๆ ได้
  • รองรับการชงกาแฟได้ 30 แก้ว/วัน
  • ความจุโถเมล็ดกาแฟ 250 กรัม
  • มีขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับสำนักงานขนาดเล็ก

2. Taurino Auto C2602

เครื่องชงกาแฟรุ่นคลาสสิกที่ไม่เคยตกเทรนด์จาก Taurino เพราะมีระบบการทำงานอัตโนมัติ เพียงกดปุ่มบนเมนูสัมผัส ก็ได้กาแฟแก้วโปรดมาไว้ในมือภายในไม่กี่วินาที จึงเป็นที่นิยมทั้งในครัวเรือนและสำนักงานต่างๆ

  • เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ สามารถทำเมนูเอสเปรสโซ อเมริกาโน กาแฟดำ และอื่นๆ
  • รองรับการชงกาแฟได้ 30 แก้ว/วัน
  • ความจุโถเมล็ดกาแฟ 250 กรัม
  • มีเครื่องบดกาแฟในตัว
  • ขนาดเล็ก กะทัดรัด เหมาะกับสำนักงานขนาดเล็ก

3. Saeco Lirika OTC

ใครที่ชื่นชอบเมนูกาแฟผสมนม ต้องถูกใจเครื่องทำกาแฟแบรนด์ Saeco รุ่น Lirika OTC อย่างแน่นอน เพราะแค่กดปุ่มเดียวก็ทำเมนูอย่างลาเต้หรือคาปูชิโน ได้แล้ว อีกทั้งยังมีหน้าเมนูที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ใครที่ไม่เคยใช้เครื่องชงกาแฟมาก่อนก็เริ่มต้นได้แบบไม่งงแน่นอน

  • เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ชงเมนูกาแฟได้หลากหลาย เช่น เอสเปรสโซ อเมริกาโน ลาเต้ และคาปูชิโน
  • รองรับการชงกาแฟได้ 20 – 30 แก้ว/วัน
  • ความจุโถเมล็ดกาแฟ 1 กิโลกรัม
  • หน้าจอแสดงผลเป็นไอคอน ใช้งานได้สะดวก
  • มีขนาดเล็ก ติดตั้งง่าย เหมาะกับสำนักงานขนาดเล็ก

สนใจสั่งซื้อเครื่องชงกาแฟทั้ง 3 รุ่นนี้หรืออุปกรณ์อื่นๆ เกี่ยวกับกาแฟแบบออนไลน์ได้ที่: aromathailand.com/office-coffee-service/ 

WE ARE AROMA

Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน