ในบรรดาหมวดหมู่เครื่องดื่มแก้วโปรด นอกจากชาหรือกาแฟแล้ว เครื่องดื่มแสนพิเศษอันเป็นที่นิยมตามมาไม่ห่าง ก็คงหนีไม่พ้นโกโก้โกใจ ด้วยคุณสมบัติที่ไปทางเข้มก็ได้หวานก็ดี มีความพิเศษสุด ๆ ตรงที่เหมาะกับผู้บริโภคทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้น โกโก้ยังให้มิติรสชาติที่หลากหลายตามรสนิยมของผู้ดื่มอีกด้วย เรียกได้ว่า จะขมเข้มแบบฉบับดั้งเดิมก็เท่ไม่เบา จะหวานละมุนดื่มง่ายก็อร่อยจนละลายสุด ๆ นับเป็นเครื่องดื่มหมวดหมู่กลาง ๆ ที่ทุกร้านขายน้ำต้องมีติดบนบอร์ดเมนู แต่เพราะเครื่องดื่มกลาง ๆ ที่ครองใจทุกเพศทุกวัย ทุกไลฟ์สไตล์การดื่มนี้เอง ทำให้โกโก้อาจดูเฉย ๆ ในสายตาคนทั่วไป แต่หารู้หรือไม่ว่า “โกโก้” มีคุณค่า คุณประโยชน์ และความพิเศษซ่อนอยู่อย่างเหลือเชื่อ

 

“โกโก้” มีต้นกำเนิดจากที่ไหนและถูกผลิตมาจากอะไร

“โกโก้” มีต้นกำเนิดจากที่ไหนและถูกผลิตมาจากอะไร

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “โกโก้” เป็นพืชพื้นเมืองในเขตร้อนชนิดหนึ่งที่มีถิ่นปลูกเดิมในทวีปอเมริกา เรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า ต้นโกโก้ (Theobroma Cacao) จะมีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีผลเป็นฝักที่เรียกว่า เมล็ดคาเคา (Cacao Bean) คือส่วนที่นำมาทำเป็นวัตถุดิบหลักก่อนจะมาเป็นผงโกโก้หรือโกโก้เบสเพื่อใช้ในเครื่องดื่ม ย้อนกลับไปราว ๆ 5,000 ปีก่อน มีประวัติพบหลักฐานการบริโภคโกโก้ครั้งแรก ๆ ในประเทศเอกวาดอร์ ทวีปอเมริกาใต้ หลังจากนั้นเพียง 2 พันปี โกโก้เริ่มถูกนำมาเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยชนพื้นเมืองอเมริกันที่อาศัยในอเมริกากลาง ได้แก่ ชาวมายา (Maya) ชาวโทลเทค (Toltec) และชาวแอซแท็ก (Aztec) ความพิเศษของโกโก้ไม่ใช่แค่ถูกนำมาบริโภคเท่านั้น แต่เมล็ดโกโก้ยังสามารถนำมาทดแทนเงินตราได้อีกด้วย จนกระทั่งวันหนึ่ง ชนพื้นเมืองได้นำเสนอโกโก้ให้กับนักสำรวจชาวสเปน เป็นเครื่องดื่มที่ทำจากฝักโกโก้คั่วในหม้อดินเผา ปรุงด้วยวานิลลา เครื่องเทศและสมุนไพร จนทำให้รสชาติเดิมของโกโก้อ่อนลง ผ่านกระบวนการชงเล็กน้อย จนได้ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ชื่อว่า “Xocoatl” เป็นภาษา Nahuatl แปลว่า น้ำรสขม (Bitter water)

ครั้นเมื่อชาวสเปนรับรู้ถึงเครื่องดื่มจากโกโก้ พวกเขาก็กุมความลับเครื่องดื่มที่ว่านี้มานานร่วม 100 ปี ก่อนค่านิยมจะถูกแพร่หลายไปยังอิตาลีในปี 1606 เวลานั้นเองที่เครื่องดื่มโกโก้ได้รับความนิยมแบบถล่มทลาย โกโก้ กลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ในงานอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงชาวสเปนและพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ก่อนจะถูกกระจายอิทธิพลไปทั่วยุโรปในเวลาต่อมา วัตถุดิบโกโก้ ถูกดัดแปลงไปหลากรูปแบบจากหลายชนชาติ ทั้งในรูปแบบผงโกโก้ (Cocoa Powder) และของเหลวที่เป็นเบส (Cocoa Liquor) ก่อเกิดเป็นเมนูต่าง ๆ นานาไม่ว่าจะเมนูเครื่องดื่มหรือขนมหวาน จนกลายมาเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมจนถึงปัจจุบัน

ผงโกโก้ (Cocoa Powder) นำไปใช้กับอะไรได้บ้าง

ผงโกโก้ (Cocoa Powder)

โกโก้ กลายมาเป็นวัตถุดิบมากความพิเศษที่สามารถดัดแปลงเป็นเครื่องดื่มก็ได้อาหารก็ดี วิธีการแปรรูปจึงทำออกมาได้หลายรูปแบบ เกิดเป็นวัตถุดิบพร้อมใช้ทั้งในลักษณะของเหลว ของแข็ง และผง เรียกว่า ผงโกโก้ (Cocoa Powder) ซึ่งผงโกโก้ที่ว่านี้ แทบจะเป็นวัตถุดิบกลาง ๆ ที่ได้รับความนิยมไม่น้อย เนื่องจากสามารถนำไปต่อยอดกับทั้งเครื่องดื่ม ขนม หรือแม้แต่อาหารก็ได้ เรียกว่าใช้งานสะดวกและมากคุณประโยชน์ แต่ถ้าจะให้เจาะลึกลงไปอีกหน่อย ผงโกโก้ ก็สามารถนำไปประยุกต์เข้ากับเมนูหลัก ๆ ได้ดังนี้

1. เครื่องดื่ม : ผู้คนนิยมนำผงโกโก้ไปปรุงต่อเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดยามเช้าและระหว่างวันกันอย่างแพร่หลาย นับเป็นวิธีการใช้งานผงโกโก้ยอดนิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ สามารถนำไปชงเป็นโกโก้ร้อนหรือเย็น เพิ่มลงในกาแฟให้รสชาตินุ่มขึ้น หรือเติมลงในสมูทตี้เพื่อรสชาติใหม่ ๆ หลายวัฒนธรรมก็มักสร้างสรรค์เครื่องดื่มของตัวเองให้ตอบโจทย์กับรสนิยมแตกต่างกันไป

2. ขนมหวาน : ผงโกโก้ ยังได้รับความนิยมไปเป็นวัตถุดิบหลักและรองในหมวดหมู่ของหวาน เช่น เค้ก คุกกี้ บราวนี่ และขนมหวานชนิดอื่น ๆ สร้างทั้งมิติรสชาติที่แปลกใหม่ ไหนจะคุณค่าทางอาหารที่ได้จากโกโก้ รวมถึงมูลค่าของสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

3. ผงโรยบนอาหาร : นอกเหนือจาก 2 ประเด็นหลักแล้ว ผงโกโก้ ยังนิยมนำไปใช้เป็นผงโรยบนผลไม้หรืออาหาร เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติความเป็นโกโก้เพียงผิวเผินได้ โดยไม่ต้องใส่ลงเป็นหนึ่งในวัตถุดิบ สร้างมิติรสชาติอาหารใหม่ ๆ ด้วยกลิ่นและรสชาติเบา ๆ

คุณประโยชน์ของโกโก้ มีมากกว่าที่คิด

นอกจากโกโก้จะเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นเมนูได้อย่างหลากหลาย โกโก้ยังมีคุณประโยชน์มากมายมากกว่าที่คิดเสียอีก แน่นอนว่า โกโก้ ให้ความอร่อยและตอบโจทย์ต่อการเป็นเมนูแก้วโปรดของใครหลายคน โกโก้ยังมีความพิเศษดังต่อไปนี้

  • อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : ในโกโก้ อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) อันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวเดียวกับที่สามารถพบได้ใน ผัก ผลไม้ ชา และไวน์ มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ ช่วยพัฒนาการไหลเวียนเลือด บรรเทาความดันเลือด และสามารถช่วยในการรักษาระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วยหากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก : หากบริโภคโกโก้ในปริมาณที่เหมาะสม คุณประโยชน์ของโกโก้ยังสามารถช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะโกโก้สามารถควบคุมการใช้พลังงาน ลดความอยากอาหารและเพิ่มกระบวนการออกซิเดชันไขมัน ทำให้รู้สึกอิ่ม
  • เพิ่มความตื่นตัว : ไม่เพียงแค่ในชากาแฟ แต่ในโกโก้เองยังอุดมไปด้วยคาเฟอีนในปริมาณที่ดีต่อสุขภาพ ช่วยเพิ่มการตื่นตัวของร่างกายได้ในระดับหนึ่ง และยังมีปริมาณแมกนีเซียม ในอัตรา 2 ช้อนโต๊ะต่อแมกนีเซียม 14% ซึ่งแมกนีเซียมนี้เอง เป็นตัวช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย

โกโก้ (Cocoa) กับ ช็อกโกแลต (Chocolate) ต่างกันอย่างไร

โกโก้ (Cocoa) กับ ช็อกโกแลต (Chocolate) ต่างกันอย่างไร

นับเป็นปัญหาคาใจชาวโกโก้เลิฟเวอร์และผู้คลั่งรักช็อกโกแลต ว่าจริง ๆ แล้วทั้งคู่แตกต่างหรือคือวัตถุดิบอย่างเดียวกันกันแน่ แท้จริงแล้ว ทั้งโกโก้และช็อกโกแลต มีที่มาจากพืชต้นเดียวกัน นั่นก็คือ ทำจากฝักคาเคา (Cacao bean) ที่มาจากต้นโกโก้ แต่เพราะกระบวนแปรรูปนี่เองที่คือจุดเปลี่ยนอันทำให้เมล็ดคาเคาดั้งเดิมถูกเปลี่ยนไปเป็น โกโก้ (Cocoa) และ ช็อกโกแลต (Chocolate) โดยมีจุดแตกต่างกันดังนี้

1. โกโก้ (Cocoa) : โกโก้ ทำมาจากเมล็ดคาเคา (Cacao Bean) นำไปผ่านวิธีการเก็บเกี่ยว ตากแห้ง และนำไปคั่วด้วยความร้อนจนเปลือกร่อน ได้มาเป็น Cacao Nips ขนาดชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นจะเข้าสู่การทำให้หนืดข้นจนกลายเป็น Cocoa Liquor ซึ่งจุดเปลี่ยนที่แสนพิเศษทำให้เบสโกโก้กลายเป็น โกโก้ โดยสมบูรณ์คือ การนำ Cocoa Liquor ไปบีบอัดด้วยความร้อนเพิ่ม เพื่อสกัดเอาไขโกโก้ (Cocoa Butter) ออกไปให้ได้มากที่สุด โกโก้ส่วนใหญ่จึงมีปริมาณไขมันเพียง 0 – 25% เท่านั้น ที่สำคัญ เบสโกโก้ที่ได้ สามารถนำไปตากแห้งและบดออกมาเป็น ผงโกโก้ ต่อไปได้เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ

2. ช็อกโกแลต : เช่นเดียวกับกรรมวิธีของโกโก้ ช็อกโกแลต ทำมาจากเมล็ดคาเคาเช่นเดียวกัน ผ่านการเก็บเกี่ยว ตากแห้งและคั่วด้วยความร้อนเหมือน ๆ กัน จนได้ออกมาเป็น Cocoa Liquor แบบเดียวกัน แต่จุดสำคัญคือหลังจากที่ได้เบสมาแล้วนั้น กรรมวิธีของช็อกโกแลตจะไม่นำไปบีบอัดด้วยความร้อนเพิ่ม จะไม่มีการกำจัด Cocoa Butter ออกไป คงไว้ซึ่งไขมันโกโก้แบบเต็มสูบเท่าที่จะทำได้ กลับกันกระบวนการของช็อกโกแลตจะมีการเติมความหวานหรือน้ำมันเข้าไปอีก บ้างก็แปลงเป็นรูปแบบของ Chocolate Bar ในลักษณะของแข็งหวานขม หรือแปลงเป็น Chocolate Powder ก็ได้เช่นกัน

สรุปได้ว่า โกโก้และช็อกโกแลต ล้วนเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ได้จากการแปรรูปมาจากฝักโกโก้ เพียงแต่ต่างกันที่ โกโก้ จะถูกกำจัดไขมันหรือ Cocoa Butter ออกไปจนไม่เหลือหรือมีไม่เกิน 25% ในขณะที่ ช็อกโกแลต เป็นกรรมวิธีที่คงไว้ซึ่ง Cocoa Butter ให้ความมันและอาจมีความหวานในปริมาณที่มากกว่าโกโก้ด้วยนั่นเอง

3 ตัวอย่างเมนูโกโก้ยุคใหม่ ที่ทำดื่มก็ได้ ทำขายก็รุ่ง!

1. คาราเมลโกโก้ (Iced Caramel Cocoa)

คาราเมลโกโก้ (Iced Caramel Cocoa)
  • เตรียมวัตถุดิบ

– ผงโกโก้
– นมสดรสจืด
– นมข้นหวาน
– ครีมเทียม
ไซรัปคาราเมล
– น้ำแข็ง

  • วิธีทำ

– นำผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ มาชงกับน้ำร้อนปริมาณ 60 ml. คนให้เข้ากัน แล้วเติมครีมเทียมลงไป 1 ช้อนโต๊ะ คนอีกครั้งให้เข้ากัน
– จากนั้นให้เติมนมข้นหวาน 15 ml. และ ไซรัปคาราเมล 15 ml. หรือตามความหวานที่ชอบ คนให้เข้ากัน แล้วตามด้วยนมสดรสจืดปริมาณ 60 ml. แล้วคนเบาๆอีกครั้ง
– เตรียมแก้วพร้อมน้ำแข็ง เทส่วนผสมที่ชงไว้ลงไป ท็อปด้วยฟองนมและราดไซรัปคาราเมล เป็นอันเสร็จ

2. ดัลโกน่าโกโก้ (Dalgona Cocoa)

ดัลโกน่าโกโก้ (Dalgona Cocoa)
  • เตรียมวัตถุดิบ

– ผงโกโก้
– น้ำตาลทราย และ นมข้นหวาน
– วิปปิ้งครีม
– นมสด
– น้ำร้อน
– น้ำแข็ง

  • วิธีทำ

– นำผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ มาชงกับน้ำร้อน 60 ml. คนให้เข้ากันจนแตกตัว พักทิ้งไว้
– นำวิปปิ้งครีมมาผสมกับเบสโกโก้เมื่อครู่ในภาชนะถ้วยหรือชาม จากนั้นตีให้ขึ้นฟู จะได้วิปปิ้งครีมโกโก้ แล้วพักไว้
– นำนมสด 120 ml. มาปรุงรสชาติด้วยนมข้นหวาน 40 ml. คนให้เข้ากัน
– เตรียมแก้วพร้อมน้ำแข็ง นำนมสดปรุงรสชาติเมื่อครู่เทลงไป ตักวิปปิ้งครีมโกโก้ไว้ด้านบน เป็นอันเสร็จ พร้อมเสิร์ฟ

3. โกโก้ชีส (Cheesy Cocoa)

โกโก้ชีส (Cheesy Cocoa)
  • เตรียมวัตถุดิบ

– ผงโกโก้
– นมสดรสจืด
– ครีมชีส
– วิปปิ้งครีม
– น้ำเลมอน
– เครื่องปรุงรส : น้ำตาลทราย / เกลือ
– น้ำแข็ง

  • วิธีทำ

– เตรียมครีมชีส 150 กรัม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือเล็กน้อย คนเข้าด้วยกัน จากนั้นเติมวิปปิ้งครีมลงไป 150 ml. นมสด 150 ml. น้ำเลมอน 1 ช้อนชา และน้ำตาลอีกเล็กน้อย จากนั้นให้ตีจนเนื้อเนียน พักไว้
– นำผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะมาชงกับนมร้อน 250 ml. และปรุงรสชาติด้วยนมข้นหวาน จากนั้นคนให้เข้ากันดี เตรียมแก้วพร้อมน้ำแข็ง และเทส่วนผสมโกโก้ลงไป
– จากนั้นให้ตักครีมชีสที่ปรุงไว้ก่อนหน้าตามไปลงด้านบน โรยผงโกโก้ตกแต่ง เป็นอันเสร็จ

เป็นอย่างไรกันบ้าง เห็นว่าโกโก้เป็นเมนูเบสิคแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้ว ก็มีอะไรดี ๆ ซ่อนอยู่เต็มไปหมด เรียกได้ว่าโดดเด่นตั้งแต่ที่มาไปจนถึงการประยุกต์ใช้และคุณประโยชน์ที่ใครหลายคนอาจยังไม่ทราบมาก่อน หรือถ้าจะให้พูดอีกที โกโก้ ถือเป็นวัตถุดิบและเมนูพื้นฐานที่ซ่อนรูปความพิเศษแบบคับแก้วจริง ๆ