มีกรรมวิธีการชงกาแฟมากมายที่ได้รับความนิยมมากตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน และหนึ่งในนั้นคือการชงกาแฟแบบ French Press (เฟรนช์เพรส) ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตำรับวัฒนธรรมการสกัดกาแฟมาเนิ่นนาน การชงแบบ French Press นั้นมีที่มาจากประเทศฝรั่งเศสแท้ ๆ ตามชื่อเรียก ย้อนกลับไปในช่วงปี 1850 การชงกาแฟแบบนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากชายนักเดินทางชาวฝรั่งเศส เขาค้นพบวิธีที่ต่างออกไป เพียงเพราะลืมใส่กาแฟลงไปในหม้อต้ม ชายหนุ่มจึงต้องจำใจเติมกาแฟลงไปภายหลัง ส่งผลให้กากกาแฟลอยเอ่อขึ้นมา เขาจึงหาวิธีแก้ไขด้วยการหาตะแกรงเหล็กที่พอจะหาได้มาวางลงไปแล้วใช้ไม้กดตะแกรงเพื่อดันกากกาแฟลงสู่ก้นหม้อ วิธีนี้กลับมอบกาแฟรสชาติดีเยี่ยมแบบที่ชายหนุ่มไม่คาดฝัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นการชงแบบ French Press ก่อนที่อุปกรณ์ต่าง ๆ จะถูกพัฒนาและนำไปสู่การจดสิทธิบัตรครั้งแรกโดยนักประดิษฐ์ชาวอิตาเลียนในปี 1928 ‘French Press’ สามารถเรียกได้อีกหลายชื่อว่า ‘La cafetière’ หรือ ‘Coffee Plunger’

นับแต่นั้นมา การชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เครื่องมือเครื่องใช้ก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยและตอบโจทย์กว่าเดิม ที่สำคัญ การชงแบบ French Press ยังใช้วิธีการสกัดแบบ Immersion Methods หรือการแช่ วิธีนี้เราจะนำผงกาแฟบดลงไปแช่กับน้ำผ่านเครื่อง French Press Maker น้ำร้อนจะค่อย ๆ ทำปฏิกิริยากับผงกาแฟบด ก่อนจะปล่อยสารละลายออกมา กลั่นเป็นกาแฟเข้มข้น คงรสชาติและเอกลักษณ์ของกลิ่นได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นการชงกาแฟแบบ French Press

การชงกาแฟแบบ French Press นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมดื่มกาแฟจากฝรั่งเศสโดยแท้ ก็ยังนับว่าเป็นวิธีชงที่สะดวกและง่ายมาเสมอ ยิ่งในปัจจุบันอุปกรณ์และวัตถุดิบถูกพัฒนาไปไกลแค่ไหน ความสะดวกก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น และนี่คือ 3 จุดเด่นหลักที่การชงแบบ French Press มอบให้กับเหล่าคอกาแฟ

จุดเด่นการชงกาแฟแบบ French Press
  1. รสชาติเข้มข้นถูกใจ

    การชงแบบ French Press ที่อาศัยหลักการ Immersion หรือ การแช่ผงกาแฟลงในน้ำร้อนโดยตรง วิธีนี้จึงช่วยกักเก็บน้ำมันกาแฟไว้ได้อย่างสูงสุด กาแฟสกัดที่ได้ออกมาจึงเข้มข้น บอดี้แน่นและให้กลิ่นหอม คงเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟไว้ได้อย่างดี

  2. ปรับแต่งวัตถุดิบและอุปกรณ์ได้ตามต้องการ

    เนื่องจากการชงแบบ French Press จะต้องใช้ควบคู่กับเครื่องชง ที่เรียกว่า French Press Coffee Maker / Portable French Press หรือ French Pressor ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กไปจนถึงกลาง จึงไม่ต้องใช้พื้นที่มากอะไร ความหลากหลายของอุปกรณ์ในปัจจุบันถือว่ามีตัวเลือกสูงมาก สามารถเลือกซื้อในราคาหรือขนาดที่พอเหมาะกับการบริโภคได้ ที่สำคัญ การชงแบบ French Press เรายังมีอิสระในการปรับแต่งปริมาณและความเข้มของผงกาแฟ รวมถึงระยะเวลาในการแช่เพื่อให้ได้กาแฟสกัดเข้มข้นตามที่ใจต้องการ

  3. ราคาเป็นมิตร เหมาะกับคอกาแฟงบจำกัด

    เครื่องชงกาแฟแบบ French Press ในปัจจุบันมักมีราคาเฉลี่ยที่ย่อมเยา เมื่อเทียบกับ Espresso Machine แล้ว French Press Maker มีราคาถูกกว่าพอสมควร ที่สำคัญ การเลือกซื้อเครื่องชงแบบ French Press ไว้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เสริมอื่นๆเพิ่มก็ได้ เพราะแค่มีเพียงเครื่องชง French Press เราก็สามารถสกัด Espresso Short พร้อมทำเมนูโปรดต่อได้แล้ว ถูกใจคอกาแฟงบจำกัด !

ข้อแตกต่างระหว่างการชงแบบ French Press และ Pour-Over

ทั้งการชงแบบ French Press และแบบ Pour Over ต่างเป็นวิธีที่ได้ความนิยมไม่แพ้กัน และทั้งคู่ต่างมีวิธีเฉพาะที่ช่วยดึงรสชาติกาแฟออกมาได้อย่างโดดเด่น แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งสองแบบถือว่ามีความแตกต่างกันในหลายประเด็นทีเดียว

ข้อแตกต่างระหว่างการชงแบบ French Press และ Pour-Over
  1. วิธีการสกัด

    แบบ French Press : จะใช้วิธีแบบ Immersion Methods หรือการแช่กาแฟผ่านน้ำร้อนโดยตรง ก่อนจะกดลูกสูบเพื่อสร้างแรงดันให้น้ำร้อนสกัดน้ำมันกาแฟและเอกลักษณ์เฉพาะออกมา

    แบบ Pour Over : จะใช้วิธีการไหลผ่านของน้ำ อาศัยทฤษฎี Percolation หรือ การซึมผ่าน มีตัวแปรสำคัญเป็นแรงโน้มถ่วงและเวลา ทำได้โดยการใส่ผงกาแฟบดลงไปในกระดาษกรองทรงกรวย ก่อนจะเทน้ำร้อนตามลงไปเป็นรอบๆ เพื่อให้น้ำร้อนซึมผ่านตัวกาแฟสกัดเป็นเครื่องดื่มสู่เบื้องล่าง

  2. รสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะ

    แบบ French Press : เนื่องจากวิธี Immersion จะสกัดน้ำมันกาแฟออกมามาก จึงสร้างกรดกาแฟในปริมาณที่มากกว่า ให้รสชาติที่เข้มข้นสูงและมีกลิ่นเฉพาะตัว ให้บอดี้กาแฟที่แน่นและเน้น คล้ายกับการบีบอัดด้วย Espresso Machine

    แบบ Pour Over : การชงแบบนี้จะให้กรดกาแฟที่น้อยกว่าแบบ French Press เพราะด้วยกรรมวิธีแบบเทน้ำให้ไหลผ่าน จะสกัดน้ำมันกาแฟในปริมาณที่น้อยกว่า ในทางกลับกัน ชงแบบ Pour Over จะช่วยดึงรสชาติและกลิ่นพิเศษที่เราคาดไม่ถึง คงความหอมของกาแฟได้ยาวนานขึ้น

อุปกรณ์และวัตถุดิบสำคัญ สำหรับการชงกาแฟแบบ French Press

  1. เครื่องชงเฟรนช์เพรส (French Press Coffee Maker) : มีองค์ประกอบ 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ก้านสูบมีฝาปิดและตัวกรองที่เป็นโลหะ ส่วนที่สองคือบีกเกอร์ (Beaker) สำหรับชง ซึ่งสามารถทำมาจากแก้ว พลาสติก โลหะ หรือเซรามิกก็ได้ แต่ที่นิยมมาก มักทำมาจากแก้ว
  2. เครื่องบดกาแฟ (Coffee Grinder) : โดยจะมีทั้งแบบหมุนมือ และ แบบอัตโนมัติ
  3. เครื่องจับเวลา (Timer) : อุปกรณ์จับเวลาทุกชนิด สามารถทดแทนได้ด้วยนาฬิกาจับเวลาบนโทรศัพท์มือถือ
  4. อุปกรณ์ชั่งตวง (scale / Coffee Scoop) : เครื่องชั่ง (Scale) และ ช้อนตวงกาแฟ (Coffee Scoop) จะช่วยให้เราได้ปริมาณกาแฟที่พอดี ส่งผลให้รสชาติได้มาตรฐาน
  5. กาน้ำ (Coffee Kettle) : สามารถใช้กาน้ำสำหรับชงกาแฟที่มีคอกาเรียวแหลม หรือ กาต้มน้ำทั่วไปก็ได้
  6. เมล็ดกาแฟ (Coffee ground) : เมล็ดกาแฟ คั่วอ่อน – คั่วกลาง – คั่วเข้ม

How to 101: ชงกาแฟแบบ French Press มีวิธีทำอย่างไร ? Step by step

  • Step 1 – ต้มน้ำร้อน: เริ่มด้วยการต้มน้ำสะอาดให้ได้อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส หากไม่มีเครื่องวัด ให้ใช้วิธีต้มจนเดือดในระดับหนึ่ง
  • Step 2 – บดเมล็ดกาแฟ: ระหว่างต้มน้ำ ให้นำเมล็ดกาแฟที่เตรียมไว้มาบดด้วย Coffee Grinder หรือ สามารถใช้ผงกาแฟบดแล้วทดแทนได้ โดยอิงปริมาณกาแฟบดต่อน้ำร้อน ตามชาร์ตคำนวณด้านล่าง
  • Step 3 – อุ่นเครื่องชงกาแฟ: ให้นำน้ำร้อนที่ต้มไว้ มาเทลงในบีกเกอร์หรือเครื่องชงกาแฟ French Press กดลูกสูบขึ้นลงจนสุด แกว่งน้ำไปรอบๆเล็กน้อย จากนั้นให้เทออก เพื่อเป็นการวอร์มเครื่องชง
  • Step 4 – เริ่มชงกาแฟ: จากนั้นให้เทผงกาแฟบดที่เตรียมไว้ลงสู่ก้นบีกเกอร์ เขย่าเล็กน้อยเพื่อเป็นการเกลี่ยผงกาแฟ ตามด้วยน้ำร้อนปริมาณ 300 ml. (สำหรับเครื่องดื่ม 3 แก้ว)
  • Step 5 – ผสมและตั้งเวลา: ใช้ช้อนคนกาแฟอย่างเบามือแค่พอประมาณ ใส่ก้านสูบเข้ากับส่วนบีกเกอร์ โดยดันลูกสูบขึ้นไว้ในตำแหน่งสูงสุด แช่ทิ้งไว้และตั้งเวลาประมาณ 3 – 4 นาที
  • Step 6 – กดและเท: ขั้นตอน Press before Pour นับเป็นกิมมิกของการชงกาแฟรูปแบบนี้ เมื่อครบกำหนด 3 – 4 นาที ให้กดก้านสูบลงจนสุดช้า ๆ เพื่อเป็นบีบอัดเอาสารสกัดจากผงกาแฟขั้นตอนสุดท้าย แล้วจึงเทใส่แก้วสำหรับดื่ม
  • Step 7 – ดื่มและเพลิดเพลิน: ขั้นตอนสุดท้ายและท้ายที่สุดก็คือการลิ้มรสชาติกาแฟเข้มข้นสไตล์ฝรั่งเศสแบบ French Press แต่ให้ระวังปริมาณกาแฟในระดับก้นบีกเกอร์ เพราะตะกอนและความเข้มข้นสูง
เคล็ดไม่ลับ “เลือกเมล็ดกาแฟอย่างไร ให้เหมาะกับการชงกาแฟแบบ French Press”

นอกจากอุปกรณ์และขั้นตอนการสกัดกาแฟที่ต้องใส่ใจ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยนั่นก็คือ การเลือกเมล็ดกาแฟให้เหมาะสำหรับการชงแบบ French Press ซึ่งระดับการคั่วของเมล็ดกาแฟแบบ ‘คั่วกลางและเข้ม’ จะได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเมล็ดกาแฟคั่วกลางและเข้มจะให้เนื้อบอดี้ที่แน่นกว่า มีรสชาติเข้มนุ่ม มีความครีมมี่ที่ได้จากน้ำตาลของกาแฟ ขณะเดียวกันก็ยังได้ความเปรี้ยวเฉพาะตัวของเมล็ดพันธุ์ ที่สำคัญ คั่วกลางและเข้มเป็นระดับที่พอดีกับระยะเวลาการแช่ (Immersion Methods) ตามฉบับ French Press และอาจทำให้กรรมวิธีการชงนั้นเร็วขึ้นด้วย

แนะนำอ่านต่อ : กาแฟดริป (Drip Coffee) เมนูชูโรง ตามต้นตำหรับคอกาแฟ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ทุกคนคงพอเข้าใจว่าทำไม French Press ถึงได้รับความนิยมมาเสมอ เพราะนอกจากจะได้กาแฟสกัดเข้มข้นชั้นดีที่ได้กรรมวิธีส่งตรงจากฝรั่งเศส ก็ยังตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบาย ไม่ต้องมีอุปกรณ์มากสิ่งให้วุ่นวายนัก แค่ลงทุนกับเครื่องมือพกพาไม่กี่อย่าง ก็สามารถดื่มกาแฟเข้มข้นชั้นดีได้ด้วยตัวเองที่บ้านแล้ว ตอบโจทย์สุด ๆ !