ในโลกของชาแล้ว นอกจากชานมที่มีอิทธิพลต่อคนชอบชาอย่างมหาศาล “ชาเขียว” ก็แทบเป็นเครื่องดื่มชาประเภทหนึ่งที่ตีคู่ความนิยมกันมาและมีอิทธิพลต่อการบริโภคชาไม่น้อย แต่ทว่าชาเขียวที่ว่านี้เอง ยังมีดีเทลหยั่งลึกลงไปจนก่อเกิดเป็นมิติที่เป็นดั่งโลกของชาเขียวโดยเฉพาะ ทำให้ชาเขียวแก้วโปรดของหลายคน อาจไม่ใช่ชาเขียวนมสีนวลอีกต่อไป อาจเป็นชาเขียวใส หรือ อาจจะเข้มข้นโดนใจอย่าง “ชาเขียวมัทฉะ”
ชาเขียวมัทฉะ คืออะไร
มัทฉะ (Matcha) เป็นหนึ่งในชนิดของชาเขียวที่ได้มาจากต้นชาในพืชตระกูล Camellia Sinensis มีถิ่นฐานเดิมในประเทศญี่ปุ่น มัทฉะจะถูกปลูกด้วยแนวทางเฉพาะและเก็บเกี่ยวผ่านกระบวนการพิเศษ ก่อนนำมาบดเป็นผงชาละเอียด ผงมัทฉะที่ได้จะมีสีเขียวสดใส เนื่องจากมีปริมาณคลอโรฟิลล์สูง ชาเขียวชนิดนี้ยังมีความพิเศษตรงกรรมวิธีการชงชาที่ได้รากฐานมาจากพิธีการชงชาสไตล์ญี่ปุ่นเก่าแก่ ต้องนำผงชามัทฉะบดไปตีเข้ากับน้ำร้อนในภาชนะพิเศษอันเปี่ยมไปด้วยศิลปะและการฝึกสมาธิ เป็นวิธีการชงที่ได้รับความนิยมทั้งในญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกมาหลายศตวรรษ แม้ปัจจุบัน การชงชาเขียวชนิดอื่นจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามวัฒนธรรมตกทอด แต่กรรมวิธีการชงชาเขียวมัทฉะยังคงรักษาไว้ซึ่งวิธีของชาวญี่ปุ่นดั้งเดิม ความพิเศษตั้งแต่การเพาะปลูก เก็บเกี่ยว ตลอดจนวิธีการชง ส่งผลให้รสชาติของมัทฉะชาเขียวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงและเป็นหนึ่งในการชงชาที่มีชั้นเชิงศิลปะอบอวล
ชาเขียวมัทฉะ ต่างจาก ชาเขียว อย่างไร
คำถามเจ้าปัญหาของชาวชาเลิฟเวอร์ “ชาเขียวกับมัทฉะต่างกันอย่างไร… ในเมื่อก็ได้ชื่อว่าชาเขียวเหมือนกัน” จริง ๆ แล้วก็หาคำตอบได้ไม่ยาก เพราะทั้ง ชาเขียว (Green Tae) และ ชาเขียวมัทฉะ (Matcha) ล้วนจัดอยู่ในโลกของชาเขียวเหมือนกันทั้งสิ้น แต่ถ้าให้พูดถึงความแตกต่างกันจริง ๆ ก็สามารถเปรียบเทียบกันประเด็นต่อประเด็นได้ดังนี้
พื้นเพและการปลูก
ชาเขียว: กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของชาเขียว (Green tea) ในปัจจุบันมาที่มาจากประเทศจีนเป็นส่วนใหญ่ มักปลูกในที่แจ้ง มีแสงแดดส่องถึง
ชาเขียวมัทฉะ: มัทฉะ (Matcha) ส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น และมักปลูกในที่ร่มช่วง 2 – 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว
กระบวนการแปรรูป
ชาเขียว: ใบชาเขียวทั่วไป มีกระบวนการเก็บเกี่ยวและแปรรูปได้หลายวิธี เช่น นำใบชาเขียวไปผ่านการตากแดด การคั่วชา (pan firing) หรือนึ่ง จากนั้นจึงนำไปทำให้แห้ง ชาเขียวที่ได้มักจะมีลักษณะเป็นใบชาแห้งเกลียว
ชาเขียวมัทฉะ: ชาเขียวชนิดมัทฉะ เมื่อถูกเก็บเกี่ยวแล้วจะถูกนำไปนึ่งและอบแห้งอย่างรวดเร็ว เพื่อลดการเกิดออกซิเดชัน จากนั้นจะนำก้านและเส้นใบออก แล้วเอาไปบดละเอียดจนได้ผงมัทฉะสีเขียวสดใส
วิธีการชง
ชาเขียว: ทำได้ด้วยการนำใบชาแห้ง (dried leaves tea) หรือถุงชา (tea bag) มาแช่กับน้ำร้อน ก่อนจะสกัดได้เป็นน้ำชาใสสีเขียวเหลืองหรือน้ำตาลอ่อน สามารถนำไปปรุงรสชาติหรือเติมนมได้
ชาเขียวมัทฉะ: ทำได้ด้วยการนำผงมัทฉะมาผสมกับน้ำร้อนในถ้วยขนาดเล็กและตีด้วยก้านไม้ไผ่เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน จะได้เป็นน้ำชาเขียวสีเขียวเข้มสด มีความเข้มข้นสูง สามารถนำไปเจือจางกับนมได้
รสชาติ
ชาเขียว: ชาเขียวจะมีกลิ่นความเป็นดิน (Earthy) และ กลิ่นต้นไม้ใบหญ้า (Grassy / vegetable-like) มีรสชาติฝาดหรือเฝื่อนเล็กน้อย บอดี้เบาบาง ให้ความสดชื่น
ชาเขียวมัทฉะ: ชาเขียวมัทฉะจะมีกลิ่น Earthy และ Grassy เหมือนกันกับชาเขียวชนิดอื่น แต่จะมีรสชาติพิเศษที่ซ่อนไปด้วยความหวานและขม บอดี้แน่น
ประเภทของชาเขียวมัทฉะ
แม้มัทฉะจะเป็นดั่งซับเซ็ตของอาณาจักรชาเขียว แต่ตัวมัทฉะเองก็สามารถแตกหน่อ ออกประเภทไปได้ถึง 3 ประเภทหลัก ๆ ที่ยึดตามเกรดการเก็บเกี่ยวดังนี้
1. Ceremonial Grades: เป็นมัทฉะที่ได้จากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก เรียกว่า “Ichibancha” ชาเขียวมัทฉะในเกรดนี้จะมีคุณภาพสูงสุด ให้รสชาติที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ สีเขียวสดกว่าชนิดอื่น มีราคาสูง และเหมาะกับการนำไปชงแบบวิธีดั้งเดิม
2. Culinary Grades: เป็นมัทฉะที่ได้จากการเก็บเกี่ยวในครั้งที่ 2 เรียกว่า “Nibancha” จะยังคงมีสีเขียวสดแต่อาจหม่นลงมาจากเกรดแรก ให้รสชาติที่ฝาดขึ้น เกรดนี้จึงเหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารหรือเครื่องดื่ม เช่น มัทฉะลาเต้
3. Ingredient Grades: มัทฉะในเกรดนี้จะได้จากการเก็บเกี่ยวภายหลังจาก 2 รอบแรก ใบชาจะมีสีเขียวออกเหลืองมากขึ้น ให้รสชาติที่ขมโดดเด่น จึงเหมาะแก่การนำไปเป็นส่วนผสมของการผลิตอาหารหรืออาหารเสริม
ปริมาณคาเฟอีนในชาวเขียวมัทฉะ
“คาเฟอีน” เป็นสารที่มักปรากฏอยู่ในตระกูลชาหรือชาเขียวเป็นปกติ เพียงแต่ปริมาณคาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะจะมีมากกว่าชาเขียวทั่วไป ซึ่งนั่นเป็นผลพวงมาจากการปลูกชาในที่ร่มทำให้คาเฟอีนมีแนวโน้มเพิ่มสูงตามไปด้วย โดยเฉลี่ยแล้วชาเขียวมัทฉะจะมีปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 25 – 70 mg. ขณะที่ชาเขียวจะมีปริมาณคาเฟอีนเฉลี่ย 24 – 40 mg.
อย่างไรก็ตาม ชาเขียวมัทฉะ ยังคงเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพราะหากเทียบปริมาณคาเฟอีนของชาเขียวมัทฉะกับกาแฟที่มีคาเฟอีนสูงถึง 95 mg. แล้ว ชาเขียวมัทฉะจะมีปริมาณคาเฟอีนที่น้อยกว่านั่นเอง
ประโยชน์ของชาเขียวมัทฉะ
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ: ในชาเขียวมัทฉะ อุดมไปด้วย “คาเทชิน (Catechins)” ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทางธรรมชาติ ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดได้ในชั้นเซลล์และลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงหลายชนิด
2. สร้างความตื่นตัวและเพิ่มการทำงานของสมอง: ในมัทฉะมีสารประกอบ “L-Theanine” ที่สร้างความตื่นตัวได้ในปริมาณที่พอดีและไม่ทำให้เกิดผลกระทบจากคาเฟอีนเหมือนในกาแฟ มัทฉะสามารถเพิ่มการทำงานของสมองได้ดีขึ้น การบริโภคมัทฉะปริมาณ 2 กรัมต่อวันติดต่อกัน 2 เดือน จะช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมองในผู้สูงอายุได้
3. ช่วยดีท็อกสิ่งตกค้าง: สารคลอโรฟิลล์ในมัทฉะ นอกจากจะให้สีสันเขียวสดใส ยังมีประโยชน์ในการล้างสารพิษ ไม่ว่าจะสารเคมีหรือโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกาย
4. ช่วยควบคุมน้ำหนัก: ในมัทฉะชาเขียว จะมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องระบบเผาเผลาญมากกว่าชาเขียวทั่วไปถึง 3 เท่า การดื่มมัทฉะเป็นประจำ จึงมีส่วนช่วยในการลดมวลร่างกายหรือควบคุมน้ำหนัก
5. ช่วยผ่อนคลายและสร้างสารความสุข: มัทฉะชาเขียวสามารถส่งเสริมการสร้างโดปามีนและเซโรโทนินได้ ซึ่งเป็นสารเหล่านี้สามารถกระตุ้นอารมณ์ สร้างความสุข เพิ่มความจำ และเพิ่มสมาธิ
แจกสูตร มัทฉะเข้มข้น หอมชาเขียวเน้น ๆ

วัตถุดิบ
- ผงมัทฉะสูตรที่ชอบ
- ครีมเทียมข้นหวาน
- ครีมเหลว อโรม่า
- นมรสจืด
- วิปปิ้งครีม
วิธีทำ
Step 1: ตวงครีมเทียมข้นหวาน 30 มิลลิลิตร ครีมเหลว 30 มิลลิลิตร และนมสด 60 มิลลิลิตร ผสมให้เข้ากัน จากนั้นเทลงแก้วน้ำแข็ง คนให้เย็น
Step 2: ตวงน้ำร้อน 60 มิลลิลิตร จากนั้นตักผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไปคนให้ละลาย เทลงแก้วเครื่องดื่มที่เตรียมไว้
Step 3: บีบวิปปิ้งครีม และตกแต่งด้วยผงมัทฉะ เพียงเท่านี้เราก็จะได้เมนูมัทฉะเข้มข้น หอมชาเขียวแบบเน้น ๆ แล้ว
นอกจากนี้ Aroma ยังมีผลิตภัณฑ์ชาเขียวเกรดพรีเมียมนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เอาใจสายชาเขียวเลิฟเวอร์ด้วยเช่นกัน ใครชอบแบบไหนก็สามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการ มีทั้งหมด 4 แบบ 4 สไตล์ด้วยกัน
Matcha Green Tea Base: ชาเขียวมัทฉะมาตรฐาน ได้รสชาติพรีเมียมแบบคุมทุนง่าย สีเขียวสว่าง ผงละเอียดเนียน ละลายง่าย หอมชาเขียวมัทฉะสไตล์ญี่ปุ่น เหมาะกับการนำมาผสมเครื่องดื่ม
Aroma Matcha Green Tea: ชาเขียวมัทฉะมาตรฐาน หอม เข้มข้น ให้รสชาติชาเขียวมัทฉะแท้ ๆ ปริมาณการใช้การชงต่อแก้วน้อย ทำให้ประหยัดต้นทุน ทำเครื่องดื่มเเละของหวานได้หลากหลาย ทั้งเมนูร้อน เย็น ปั่น รวมทั้งเบเกอรี่และไอศกรีม
Hojicha Green Tea: ชาเขียวโฮจิฉะ เกรดพรีเมียม รสชาติหวานนุ่ม ฝาดน้อย ไม่ขม คาเฟอีนต่ำ เหมาะกับการนำมาผสมเครื่องดื่มหรือขนม
Kyoto Matcha: ชาเขียวมัทฉะ เกรดพรีเมียม นำเข้าจากเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น สีเขียวเข้ม ผงละเอียดเนียน เหมาะสําหรับนํามาผสมเครื่องดื่มหรือขนมที่ต้องการความเข้มข้น เน้นสีและรสชาติของมัทฉะอย่างชัดเจน
“มัทฉะชาเขียว” นับว่าเป็นตัวเต็งแห่งวงการชาเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ได้มีความพิเศษแค่การเพาะปลูก รสชาติและวิธีการชง แต่มัทฉะยังมากไปด้วยคุณประโยชน์แบบอัดแน่นแทบทุกอณูผง ชนิดที่นำไปดื่มชงก็ได้ทำอาหารคาวหวานก็ดี แบบชาเขียวชนิดพรีเมียมที่คนเลิฟชาต้องลอง!