สำหรับคอกาแฟที่หลงใหลการดื่มด่ำรสชาติของกาแฟสดอยู่ที่บ้านหรือใครที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจกาแฟ เชื่อว่าคงมีความฝันที่อยากเป็นเจ้าของเครื่องชงกาแฟสดสุดพรีเมียมกันอยู่ไม่น้อย แต่เชื่อหรือไม่ว่ามือใหม่หลายคนที่ได้ลองใช้งานเครื่องชงกาแฟ กลับพบเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีจนรู้สึกเสียดายงบประมาณที่อุตส่าห์ลงทุนไป เนื่องจากขาดความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเครื่องชงกาแฟจนทำให้เกิดปัญหาต่างๆ พาลทำให้กาแฟไม่ได้คุณภาพตามที่หวังไว้
ดังนั้น Aroma จะพาคอกาแฟมือใหม่ไปรู้จักปัญหาต่างๆ ที่มักพบเจอในเครื่องชงกาแฟสด พร้อมกับแชร์เคล็ดลับที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในเบื้องต้นกัน รับรองได้เลยไม่ว่าใครก็ตามที่อยากได้เครื่องชงกาแฟไปใช้งานส่วนตัวที่บ้านหรืออินเทรนด์อยากเปิดคาเฟ่ อ่านจบแล้วสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
1. น้ำกาแฟไม่ร้อน
เป็นหนึ่งในปัญหายอดฮิตของมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้เครื่องชงกาแฟสด สำหรับใครที่ชงกาแฟแล้วพบว่าน้ำกาแฟไม่ร้อนอย่างที่ต้องการ อันดับแรกให้ลองตรวจสอบแรงดันและความร้อนของเครื่องชงกาแฟว่ามีอุณหภูมิที่พร้อมชงแล้วหรือไม่ รวมถึงความผิดปกติของเซนเซอร์ความร้อน และตะกันเกาะขดลวดว่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้วหรือยัง หากพบว่ามีปัญหาแนะนำว่าให้ส่งศูนย์ซ่อมบริการทันที แต่หากอะไหล่ต่างๆ ยังมีสภาพที่สมบูรณ์ ก็สามารถเพิ่มความร้อนของแก้วกาแฟได้ด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการวอร์มแก้วให้ร้อนก่อนชง หรือในเครื่องชงกาแฟบางรุ่นจะมีฟังก์ชันถาดอุ่นแก้วด้านบน รวมถึงอย่าลืมวอร์มบาสเก็ตชงกาแฟและหัวกรุ๊ปก่อนชงทุกครั้งด้วยการกดสกัดปล่อยน้ำไหลผ่านประมาณ 2 – 3 วินาที เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ทำกาแฟร้อนพร้อมดื่มได้ง่ายๆ
2. กาแฟไหลออกช้า
สำหรับปัญหากาแฟไหลออกจากหัวกรุ๊ปชงช้าเกินไปหรือแทบไม่ไหลออกเลย ส่วนมากจะเกิดขึ้นจากสองสาเหตุ คือ ปัญหาการสกัดกาแฟ โดยจะอยู่ในขั้นตอนการบดเมล็ดกาแฟที่อาจจะมีความละเอียดมากจนเกินไป รวมไปถึงการ Tamp กาแฟที่หนักมือจนเกินไป เลยทำให้น้ำกาแฟไหลช้าหรือไม่ไหลเลย สำหรับวิธีการแก้ไขอาจลองปรับแก้ด้วยการปรับระดับการบดกาแฟให้หยาบขึ้นรวมถึงปรับแรงการ Tamp กาแฟให้มีน้ำหนักพอดีก็จะช่วยได้
อีกหนึ่งสาเหตุคือการที่น้ำในแทงค์หมดหรือใกล้หมด ปริมาณน้ำจึงไม่พอต่อการชงกาแฟ ในกรณีที่เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กให้ลองสังเกตได้ด้วยตัวเองง่ายๆ จากถังน้ำที่อยู่ในตัวเครื่อง ว่าถ้าน้ำหมดหรือเหลือน้อยมาก ตัวเครื่องก็จะไม่สามารถดูดน้ำขึ้นมาใช้งานในการสกัดกาแฟได้ วิธีแก้ปัญหาคือหมั่นสังเกตน้ำในถังเก็บน้ำให้พร้อมชงอยู่เสมอ
3. กาแฟไหลทะลักจากหัวกรุ๊ป
ตรงกันข้ามกับปัญหากาแฟไหลออกช้า คือการที่กาแฟไหลทะลักออกจากหัวกรุ๊ปชงกาแฟเร็วจนเกินไป ขั้นแรกคือควรตรวจสอบว่าก้านชงกับหัวกรุ๊ปเข้าล็อกปกติหรือไม่ หรือเช็กปริมาณกาแฟว่าใส่ในบาสเก็ตน้อยจนเกินไปและใช้น้ำหนักในการ Tamp กาแฟน้อยจนเกินไป ถ้าแก้ไขแล้วยังพบว่าน้ำกาแฟยังไหลทะลักอยู่ อาจมีปัญหาจากโอริงเสื่อมสภาพควรส่งซ่อมทันที
4. สตีมนมไม่ขึ้นฟองหรือไม่เป็นครีม
เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ใช้งานเครื่องชงกาแฟเจอกันเป็นประจำ สำหรับการชงกาแฟเมนูต่างๆ ที่ต้องใช้ฟองนมปิดท้าย แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นฟองนมหรือบางทีก็ออกมาแต่น้ำ สำหรับวิธีแก้ไขให้เริ่มจากการตรวจสอบท่อสตรีมว่ามีนมอุดตันที่ช่องรูอากาศหรือไม่ จากนั้นให้ล้างทำความสะอาดด้วยการแช่น้ำร้อนทิ้งไว้ แล้วใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสตีมนมเพื่อให้ขึ้นฟองสวยงามได้แล้ว สำหรับเคล็ดลับอีกอย่างคืออย่าลืมเช็กวันหมดอายุของนมและอุณหภูมิของนมที่จะต้องมีความเย็นจัด เพื่อที่จะให้ฟองนมขึ้นฟู เนียนนุ่ม ไม่ยุบตัวง่ายนั่นเอง
5. เครื่องชงเกิดการบล็อกน้ำ
ใครที่ใช้เครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งการดูดน้ำมาใช้จากแกลลอนน้ำด้านนอก มักจะเจอปัญหาที่เครื่องไม่สามารถดูดน้ำได้เต็มที่หรือที่เรียกว่าการ “บล็อกน้ำ” หากละเลยไม่ยอมแก้ไขก็อาจทำให้หม้อต้มหรือปั๊มน้ำพังได้ง่ายๆ เพราะเมื่อเครื่องเกิดอาการบล็อกน้ำจะมีการดูดอากาศเข้าไปและทำให้เครื่องไม่ยอมดูดน้ำจากถังน้ำด้านนอก แม้จะเติมน้ำหรือเปลี่ยนถังแกลลอนแล้วก็ตาม สำหรับวิธีแก้ไขคือการปิดเครื่องแล้วไล่น้ำออกทางท่อสตีมและหัวชงให้หมด รวมถึงรักษาความสะอาดบาสเก็ตและหัวกรุ๊ปเครื่องชงอยู่เสมอ ก็จะช่วยป้องกันปัญหาเครื่องชงเกิดการบล็อกน้ำได้
แนะนำเครื่องชงกาแฟสดจาก Aroma ช้อปปิ้งออนไลน์ ราคาพิเศษ
1. เครื่องชงกาแฟ XLBI Steamhammer 2 GR

ขอแนะนำเครื่องชงกาแฟ XLVI Steamhammer Electronic with Black Painted 2 GR. ที่เป็นเครื่องชงกาแฟขนาด 2 หัวชง เหมาะสำหรับการชงกาแฟสดในทุกโอกาสทั้งใช้ส่วนตัวภายในบ้านหรือจะประกอบธุรกิจกาแฟขนาดกลางขึ้นไป ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์แผงตั้งปริมาณน้ำต่อหัวชง แบบปุ่มสัมผัส 4 ปุ่มตั้งระดับน้ำต่อหัวชง, 1 ปุ่ม น้ำไหลต่อเนื่อง/โปรแกรมตั้งระดับน้ำ จอแสดงผลแบบ LED เปิด-ปิด อัตโนมัติ สามารถแจ้งเตือนการบำรุงรักษา พร้อมกับการล้างหัวชงอัตโนมัติ และระบบนับจำนวนแก้ว และทำความร้อนด้วยระบบ P.I.D ระบบหม้อต้มเป็นแบบ Heat Exchanger with Thermosiphonic System ความจุหม้อต้ม 12 ลิตร จะสายกาแฟเข้มหรือเน้นสัมผัสรสธรรมชาติของกาแฟก็น่าเก็บไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือก
2. เครื่องชงกาแฟ Wega Atlas EVD 2GR

สำหรับเครื่องชงกาแฟ Wega Atlas EVD 2GR มาพร้อมกับขนาด 2 หัวชง ที่มีเทคโนโลยี Infusion Chamber ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ สำหรับการสกัดน้ำกาแฟให้ได้รสชาติที่ดีมากขึ้น ตัวเครื่องด้านนอกทำจากสเตนเลสขัด สวยงาม ทนทาน สามารถนำไปใช้กับธุรกิจกาแฟขนาดกลางได้แบบสบายๆ ด้วยความสามารถในการทำกาแฟ 300 -500 แก้ว / วัน รองรับลูกค้าได้ไม่มีสะดุด ระบบน้ำเป็นแบบต่อตรงท่อน้ำและเติมน้ำอัตโนมัติ จะกาแฟแก้วไหนๆ ก็ได้รสชาติแบบพรีเมียมแน่นอน
3. เครื่องชงกาแฟ Crem ONE 2B 1G

สำหรับใครที่อยากได้เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก แต่สเปคแรงไม่แพ้เครื่องใหญ่ ขอแนะนำเครื่องชงกาแฟ Crem ONE 2B 1G ขนาด 1 หัวชง ตัวเครื่องทำจากสเตนเลสคุณภาพสูง ส่วนระบบหม้อน้ำนั้นเป็นแบบ 2 หม้อต้ม ขนาด 1.7 + 1.2 ลิตร พร้อมระบบ PID และ Low Flow Pressure Profiling ทำให้สามารถสร้าง Profile กาแฟได้ถึง 5 แบบ อีกทั้งยังทำความร้อนได้รวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีปั๊มน้ำ Rotary Pump ให้ด้วย ซึ่งในโมเดลนี้มีหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัล สามารถปรับ Recipe กาแฟหรือกำหนดค่าต่างๆ ได้สะดวก จะนำไปตั้งไว้ในออฟฟิศหรือใช้ภายในบ้านก็เหมาะสมในทุกโอกาสพิเศษแน่นอน
หมดไปแล้วกับการแชร์เคล็ดลับเกี่ยวกับปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับเครื่องชงกาแฟสด ส่วนใครที่กำลังวางแผนอยากเปิดคาเฟ่และกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟสุดพรีเมียมอยู่ ก็สามารถเลือกดูตามคำแนะนำด้านบนได้เลย เพราะที่ Aroma เราให้มากกว่าความพรีเมียมของรสชาติกาแฟ แต่ยังมีหลากหลายเครื่องชงกาแฟ รวมไปถึงอุปกรณ์ร้านกาแฟอื่นๆ ที่ให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ สามารถเข้ามาเลือกช้อปปิ้งออนไลน์ได้เลยที่ Aroma
WE ARE AROMA
Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน