ในยุคสมัยนี้ เครื่องดื่มกาแฟ ไม่ได้มีแค่เมนูดั้งเดิม แต่ยังเสริมเอาเทคนิคใหม่ ๆ สไตล์ฟิวชัน เพิ่มรสชาติมิติใหม่ ๆ เข้ามาผนวก ทำให้นักดื่มกาแฟมือใหม่และมืออาชีพมีทางเลือกในการเลือกเครื่องดื่มในฉบับที่ตรงตามความชอบของตัวเองมากขึ้น ไม่เพียงแต่กาแฟสดตามร้านแฟรนไชส์ดัง ๆ แต่ยังมีรูปแบบกาแฟอีกหนึ่งมิติที่มาในชื่อว่า “ Cold Brew ” หรือ กาแฟสกัดเย็น เครื่องดื่มลูกรักของนักดื่มคาเฟอีนสายนุ่มละมุน ผู้ชื่นชอบความเบาบางของกาแฟแต่ยังได้สัมผัสถึงคาเฟอีนคุกรุ่น

วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทรนด์กาแฟ ที่ได้รับความนิยมไม่แผ่วเลยในช่วงนี้ อย่างกาแฟโคลด์บริวกันว่า มีเสน่ห์แพรวพราวแค่ไหน ทำไมถึงถูกใจคอกาแฟ และกาแฟโคลด์บริวที่ว่านั้น แตกต่างกับกาแฟชงหรือกาแฟสดตามร้านโปรดมากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลย

Cold Brew

 

กาแฟ Cold Brew คืออะไร ?

โคลด์บริว หรือ กาแฟสกัดเย็น เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มกาแฟที่มีกรรมวิธีต่างออกไปจากปกติ กาแฟสกัดเย็นที่ว่านี้ จะทำผ่านกระบวนการแช่ทิ้งไว้ (Immersion) ด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง เป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง ปกติทั่วไปมักใช้เวลาเฉลี่ย 8 – 24 ชั่วโมง กว่าจะได้ออกมาเป็นกาแฟโคลด์บริว สัก 1 แก้ว

  • ลักษณะเฉพาะตัวและข้อดีของ กาแฟโคลด์บริว

        ความโดดเด่นพิเศษของกาแฟโคลด์บริว ที่คอยมัดใจเหล่านักดื่มกาแฟทั้งมือเก่าและใหม่ นั่นก็คือ รสชาติ รสสัมผัส และคุณประโยชน์ที่คาดไม่ถึง กาแฟสกัดเย็นจะมีรสชาติที่อ่อนนุ่ม ดื่มง่ายกว่าปกติมาก ด้วยกรรมวิธีเฉพาะของโคลด์บริว ทำให้ความขมและเปรี้ยวที่จากเมล็ดกาแฟปกติ ถูกลดทอนจนเหลือไว้แต่ความนุ่มละมุน หอมหวาน และถึงแม้รสชาติจะเบาบางลงมากแต่ยังคงมีระดับคาเฟอีนและตัวบอดี้ของกาแฟที่หนักแน่นดังเดิม ทำให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักดื่มที่ไม่ชอบรสเปรี้ยวเกินหรือขมไปของกาแฟชงสด การเก็บรักษากาแฟสกัดเย็นก็ยิ่งพิเศษเข้าไปอีก เพราะการชงเพียง 1 ครั้ง หากบรรจุลงภาชนะปิดอย่างดี จะสามารถจัดเก็บได้นานกว่า 1 – 2 สัปดาห์โดยไม่สูญเสียรสชาติ ระดับคาเฟอีนไม่ลด รสชาติไม่เปลี่ยน

นอกจากนี้ กาแฟโคลด์บริว ยังเป็นมิตรกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่ต้องคอยเลี่ยงการดื่มกาแฟอยู่บ่อยครั้ง ปกติแล้วความเป็นกรดที่ได้จากกาแฟสกัดเย็นจะมีปริมาณน้อยลงมากกว่ากาแฟชงร้อนปกติเมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน ทำให้กาแฟสกัดเย็นเข้ามาเป็นตัวเลือกที่พอเหมาะพอดี ได้รสสัมผัสของกาแฟแต่ไม่ทำร้ายกระเพาะ ในอีกแง่มุมของการดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนัก กาแฟดำ หรือ อเมริกาโนเข้ม ๆ มักเป็นของคู่กันมาเสมอ แต่ไม่ใช่กับทุกคนที่จะสามารถดื่มกาแฟดำได้ดี ไม่ว่าจะเพราะความขม เปรี้ยว หรือเฝื่อนไปบ้างในบางที แต่หากเป็นกาแฟโคลด์บริว ที่จะช่วยชูความเป็นกาแฟดำให้ซอฟต์หวาน อ่อนนุ่มลงกว่าเดิม เหมาะกับคอกาแฟในวันสบาย ๆ ดื่มง่าย ได้สุขภาพด้วย

How to Make Cold Brew Coffee

วิธีทำกาแฟโคลด์บริว หรือ กาแฟสกัดเย็น

สำหรับมือใหม่อาจมองว่ากรรมวิธีกว่าจะออกมาเป็นกาแฟสกัดเย็น นั้นยุ่งยากกว่าปกติไหม เพราะต้องใช้ระยะเวลาและความพิถีพิถันพอสมควร ซึ่งแท้จริงแล้ววิธีทำนั้นง่ายกว่าที่คิดและเราทุกคนก็สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน เพียงแค่รู้วิธีและทริคอีกสักหน่อย เริ่มด้วยการตระเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ สำหรับการทำกาแฟสกัดเย็น มีเพียง 3 สิ่งหลักเท่านั้นที่สำคัญ ได้แก่ กาแฟบดหยาบ น้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง และภาชนะสำหรับชง

ซึ่งในส่วนของภาชนะ ฟังดูแล้วอาจไม่เป็นปัญหาใหญ่ แต่แท้จริงแล้ว การลงทุนซื้ออุปกรณ์สำหรับชงกาแฟสกัดเย็นสักใบ จะยิ่งเพิ่มคุณภาพและความสะดวกสบายให้เรามากยิ่งขึ้น และอุปกรณ์ตัวช่วยสำหรับกาแฟสกัดเย็น ส่วนมาก มักมาในรูปแบบ Coffee Pot หรือ Coffee Bottle ที่จะมีชั้นฟิลเตอร์กรองกาแฟบรรจุอยู่ในขวดหรือเหยือกอีกทีหนึ่ง สะดวกและง่ายต่อการชง กากกาแฟไม่หลุดรอดและคงรสชาติได้ดี เหมาะกับทั้งการชงและเป็นภาชนะจัดเก็บได้ไปในตัว อย่าง ขวดสำหรับการชงกาแฟโคลด์บริว และเหยือกใส่กาแฟโคลด์บริว ของ HARIO ที่ออกแบบมาเพื่อคอกาแฟโคลด์บริว โดยเฉพาะ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน จะใช้ไว้ชงกาแฟโคลด์บริวดื่มเอง หรือใช้สำหรับคาเฟ่เล็ก ๆ ก็ยังได้

  • HOW TO DO!
    • นำเมล็ดกาแฟ (Coffee Beans) มาบดหยาบ หรือจะใช้เป็นผงกาแฟบดหยาบ (Ground Coffee) ที่มีก็ได้
    • นำมาใช้กับน้ำในอัตราส่วนตามความเข้มที่ต้องการ เช่น 1:5 ด้วยการตวงบนตาชั่ง ยึดหน่วยวัดเป็นกรัม หากเป็นสัดส่วน 1:5 จะใช้ผงกาแฟบดหยาบ 250 กรัม ต่อน้ำ 1,250 กรัม (42 ออนส์)
    • จากนั้นให้นำกาแฟบดหยาบใส่ลงในชั้นกรองและเติมน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติลงไป เพื่อเข้าสู่กระบวนการ Immersion และแช่ทิ้งไว้ประมาณ 8 – 24 ชั่วโมง
    • หลังครบกำหนด ก็จะได้กาแฟโคลด์บริวที่ตั้งตารอ วิธีการดื่มก็แค่เทลงใส่แก้วหรือภาชนะใบโปรด สามารถดื่มคล้ายกาแฟดำเลยก็ได้ หากใครอยากผสมนมเพื่อเจือจางไปอีกก็ได้เช่นกัน
Cold Brew Bean

เลือกเมล็ดกาแฟอย่างไรให้เหมาะกับ กาแฟโคลด์บริว

อีกหนึ่งสิ่งที่จะละเลยไปไม่ได้ นั่นก็คือการคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมกับกรรมวิธี ปกติแล้วกาแฟโคลด์บริว จะนิยมใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนไปจนถึงกลาง เพื่อรสชาติของกาแฟสกัดเย็นที่นุ่มนวลแต่พอดีและมีรสสัมผัสดีที่สุด

ส่วนใหญ่เหล่าบาริสตาหลายคนมักแนะนำให้เลือกใช้ ‘เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน’ ในการชงกาแฟสกัดเย็น เพราะจะทำให้เราได้รับคุณภาพโคลด์บริวที่ดีเยี่ยม ที่สำคัญ เมล็ดพันธุ์กาแฟที่เหมาะสมกับการทำเครื่องดื่มสกัดเย็นคือ เมล็ดกาแฟอาราบิก้า เนื่องจากโรบัสต้าจะมีความเข้มที่โดดเด่นกว่ามาก ในขณะที่อาราบิก้า มีความเข้มน้อยกว่าแต่รสสัมผัสดีเยี่ยม เมื่อถูกนำมาสกัดเป็น โคลด์บริว จะทำให้ได้รสชาติที่เบาบาง ดื่มง่าย

และถึงแม้ว่ากาแฟสกัดเย็นจะยังเจาะกลุ่มเป้าหมายไม่กว้างเท่ากาแฟสด แต่เชื่อว่านักดื่มกาแฟหลาย ๆ ท่าน อาจเริ่มเปิดใจให้กับรุ่นน้องในวงการอย่าง โคลด์บริว เพิ่มมากขึ้น เพราะถึงแม้รสชาติกาแฟจะเบาบางและไม่หนักถึงใจเท่ากาแฟแก้วโปรด แต่ในวันสบาย ๆ โคลด์บริว ก็อาจมาทดแทนและให้ความรู้สึกแปลกใหม่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว