ธุรกิจร้านกาแฟ คาเฟ่ นับเป็นหนึ่งในโมเดลธุรกิจ (Business Model) ที่หลายคนให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เพราะเป็นธุรกิจที่ทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านริมทางเล็กๆ ร้านคาเฟ่เต็มรูปแบบ หรือจะเป็นร้านกาแฟแบบ Ghost Restaurant ที่ขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่
ก่อนที่จะเริ่มเปิดร้านแบบจริงๆ จังๆ ก็ต้องเตรียมร้านกาแฟให้พร้อมเสียก่อน โดยเฉพาะเรื่องของ “อุปกรณ์ร้านกาแฟ” ที่ปัจจุบันมีแอปร้านกาแฟอย่าง Coffee 2U ทำให้ช้อปปิ้งออนไลน์ได้สะดวก แต่ความสะดวกนี้ก็มักมาพร้อมกับตัวเลือกมากมาย แล้วจะเลือกซื้ออุปกรณ์ร้านกาแฟอะไรดีล่ะ? วันนี้ Aroma จะมาแนะนำอุปกรณ์สำคัญเบื้องต้น ที่เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟต้องมี
แต่ก่อนอื่นมาดูกันว่า ร้านกาแฟที่จะเปิดนั้นเป็นร้านแบบไหน?
- ร้านกาแฟ Speed Bar
เมื่อพูดถึงร้านกาแฟแบบ Speed Bar ทุกคนคงนึกภาพออกกันได้ง่ายๆ เพราะเป็นรูปแบบร้านกาแฟทั่วไปที่ใช้เครื่องชงกาแฟเอสเปรซโซ (Espresso Machine) ในการชงกาแฟอย่างรวดเร็วให้กับลูกค้า โดยทั่วไปจะใช้เวลาในการสกัดกาแฟประมาณ 25 – 30 วินาที ออกมาเป็นเอสเปรสโซช๊อต (Espresso Shot) และนำไปผสมกับส่วนผสมอื่นเพื่อสร้างเมนูกาแฟต่างๆ อาทิ อเมริกาโน (Americano), ลาเต้ (Latte), คาปูชิโน (Cappuccino) หรือเดอร์ตี้ (Dirty) เป็นต้น
พูดง่ายๆ ว่าเป็นร้านกาแฟที่ทำเร็วเสิร์ฟเร็ว เป็นที่นิยมในหมู่คนวัยทำงานในช่วงเช้าและในชั่วโมงเร่งรีบ แต่ก็สามารถทำ Speed Bar กับร้านที่มีลักษณะเป็นคาเฟ่ได้ด้วยเช่นกัน
- ร้านกาแฟ Slow Bar
ร้านกาแฟรูปแบบ Slow Bar นั้นมีลักษณะตรงกันข้ามกับร้าน Speed Bar โดยทั่วไป Slow Bar จะใช้งานอุปกรณ์ชงกาแฟและเครื่องมือที่อาศัยแรงและฝีมือของบาริสต้าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นแอโรเพรส (Aeropress), กาแฟดริป (Drip Coffee), เฟรนช์เพรส (French Press) หรือไซฟอน (Syphon) โดยกาแฟแต่ละแก้วนั้นเปรียบเหมือนเป็นงานฝีมือที่ต้องอาศัยเวลาและความพิถีพิถัน อาจจะใช้เวลาตั้งแต่ 10 – 20 นาทีต่อกาแฟหนึ่งแก้วเลยทีเดียว นอกจากนี้เมนู Slow Bar ยังไม่ได้มีรูปแบบเมนูที่เราคุ้นเคยกันนัก แต่เป็นการเลือกเมนูจากเมล็ดกาแฟมากกว่า ทั้งสามารถเลือกระดับการคั่วและแหล่งที่มาซึ่งจะให้ทั้งอโรม่าและรสชาติที่แตกต่างกันไป ทำให้เป็นที่นิยมต่อคอกาแฟเฉพาะกลุ่ม
สำหรับคอกาแฟตัวยงแล้ว การมานั่งในร้านกาแฟ คาเฟ่ที่มี Slow Bar ก็เหมือนกับการมาชมงานศิลปะที่มีบาริสต้าเป็นศิลปินนั่นเอง
Coffee Bar ทั้ง 2 ประเภทนี้เป็นรูปแบบหลักที่เปิดให้บริการ ซึ่งบางร้านอาจผสมผสานบาร์ทั้งสองแบบเข้าไว้ในคาเฟ่ก็สามารถทำได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณและกลุ่มเป้าหมายของร้านกาแฟนั้นๆ
ช้อปปิ้งออนไลน์ซื้ออุปกรณ์ร้านกาแฟอะไรดี?
พอได้รู้แล้วว่าธุรกิจร้านกาแฟของเราจะออกมาเป็นรูปแบบไหน มาดูกันเลยว่าอุปกรณ์ที่ร้านกาแฟจะขาดไปไม่ได้นั้นมีอะไรบ้าง
1. เครื่องชงกาแฟ

หากขาดสิ่งที่เรียกว่าเครื่องชงกาแฟไป คงเรียกร้านกาแฟว่าร้านกาแฟไม่ได้ ในปัจจุบันนี้มีเครื่องชงกาแฟหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ ตั้งแต่อุปกรณ์ชงกาแฟเองด้วยมือไปจนถึงเครื่องชงกาแฟระบบอัตโนมัติที่มีหน้าจอสัมผัส ถึงอย่างนั้นการเลือกชนิดของเครื่องชงกาแฟก็ขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน ว่าต้องการสร้างสรรค์เมนูออกมาเป็นแนวไหน
โดยปกติ เราสามารถพบเห็นเครื่องชงกาแฟเอสเปรซโซ (Espresso Machine) ได้บ่อยที่สุด ตามร้านกาแฟ Speed Bar ทั่วไป เครื่องชนิดนี้จะอาศัยแรงดันไอน้ำและน้ำร้อนบ่มเอารสชาติของกาแฟออกมาให้มากที่สุดในเวลาอันสั้น ประกอบกับฟังก์ชันหลากหลาย ตามระดับราคาที่อาจอยู่ในหลักพันบาทไปถึงหลักแสน
อีกหนึ่งประเภทการชงที่ได้รับความสนใจสูงก็คงหนีไม่พ้นกาแฟดริป (Drip Coffee) ที่เป็นการเทน้ำร้อนผ่านผงกาแฟในกระดาษฟิลเตอร์ที่มีรูเล็ก จึงทำให้น้ำกาแฟไหลออกได้ทีละนิด ทั้งนี้ก็เพื่อดึงเอกลักษณ์ของกาแฟออกมาให้มากที่สุดนั่นเอง อย่างไรก็ตาม การดริปกาแฟที่ใช้เวลานานอาจไม่สามารถตอบโจทย์ความเร่งรีบของลูกค้าประจำวันได้มากนัก กาแฟดริปจึงเหมาะกับร้านกาแฟ คาเฟ่แบบ Slow Bar และตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็นคอกาแฟตัวยงได้ดีกว่า
2. เครื่องบดกาแฟ

เครื่องบดกาแฟ (Coffee Grinder) คืออีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ห้ามมองข้ามเป็นอันขาด เพราะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อคุณภาพของกาแฟไม่น้อยไปกว่าเครื่องชงเลยทีเดียว เพราะแต่ละระดับของการบดนั้นจะให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไป
ยกตัวอย่างเช่น การบดหยาบ (Coarse Grind) ผงกาแฟจะมีลักษณะเป็นเม็ดใหญ่ จับแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกรวดทราย เหมาะกับวิธีการชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสหรือการสกัดเย็น (Cold Brew) ที่ผงกาแฟจำเป็นต้องแช่อยู่กับน้ำเป็นเวลานานๆ จึงต้องการผงกาแฟที่สกัดตัวได้ช้า ได้รสชาติที่เหมาะสม ไม่เข้มหรือขมมากเกินไป
ในทางตรงกันข้าม การบดเมล็ดกาแฟละเอียดมาก (Find Grind) นั้นจะทำให้ผงกาแฟมีเนื้อละเอียดจนเกือบเหมือนผงแป้ง ซึ่งเหมาะกับการชงผ่านเครื่องเอสเพรสโซ (Espresso) ที่ใช้แรงดันและความร้อนสูง เพื่อสกัดกาแฟอย่างรวดเร็ว จึงต้องการผงกาแฟที่สกัดรสชาติออกมาได้เร็ว
ทั้งนี้เครื่องบดกาแฟก็มีหลายแบบ ทั้งแบบหมุนมือเองและเครื่องบดแบบอัตโนมัติที่กำลังได้รับความนิยมมากกว่า เพราะความรวดเร็วและความแม่นยำในระดับการบด รวมไปถึงฟังก์ชันเสริมต่างๆ ที่เพิ่มสะดวกสบายให้แก่บาริสต้าในร้านกาแฟได้
3. เครื่องปั่น

เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟต้องคำนึงไว้เสมอว่า ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาในร้านไม่ได้ชอบดื่มกาแฟทุกคน การที่ทางร้านมีเมนูเสริมอย่างเครื่องดื่มปั่น (Frappé) หรือเมนูสมูทตี้ (Smoothie) ก็สามารถเรียกลูกค้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น เครื่องปั่น (Blender) จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ร้านกาแฟขาดไปไม่ได้ ซึ่งในการเลือกเครื่องปั่นนั้นก็ต้องพิจารณาจากขนาดมอเตอร์ ความเร็วรอบในการปั่น และขนาดความจุของโถปั่น ซึ่งสำหรับร้านกาแฟแล้ว ขอแนะนำให้เลือกเครื่องปั่นแบบมอเตอร์กำลังวัตต์ 1,500 วัตต์ขึ้นไป และเลือกรุ่นที่มีโถปั่นที่ทำมาจากโพลีคาร์บอเนต (Polycarbonate) เป็นพลาสติกคุณภาพสูง ทนทานต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะทำเมนูกาแฟปั่น โกโก้ปั่น หรือน้ำผลไม้ปั่น ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น ดังนั้นไม่ต้องรอช้าเริ่มช้อปปิ้งออนไลน์เลือกซื้อเครื่องปั่นสำหรับร้านกาแฟได้เลย
4. อุปกรณ์เสริมอื่นๆ
เมื่อมีเครื่องมือหลักแล้ว ร้านกาแฟ คาเฟ่ก็ต้องใส่ใจถึงอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วย ซึ่งก็อาจมีมากมายแตกต่างกันไปตามรูปแบบ Coffee Bar โดยทั่วไปแล้วจะมีอุปกรณ์เสริม ได้แก่
- แทมเปอร์ Tamper
- ที่เกลี่ยกาแฟ
- เหยือกเทฟองนม
- ที่วัดอุณหภูมิ
- แก้วตวง
- ถ้วยตวง
- กาต้มน้ำ
- กระดาษกรองผงกาแฟ
นอกจากนี้ต้องไม่ลืมอุปกรณ์ทำความสะอาด อย่างเช่น ผงล้างหัวชงเครื่องกาแฟ แปรงขัดร่องหัวชง ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ ถังเคาะกากกาแฟ และภาชนะและบรรจุภัณฑ์ที่อาจจะสั่งทำโดยมีโลโก้ของร้านกาแฟเองหรือสั่งแบบสำเร็จรูปมาก็ได้ เช่น แก้วพลาสติก หลอด กระดาษทิชชู่ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์ที่จะเป็นต่อการเปิดร้านกาแฟนั้นมีมากมายหลายรายการเลยทีเดียว เชื่อว่ากว่าเจ้าของธุรกิจตามหาอุปกรณ์ทั้งหมดได้คงเหนื่อยกันไม่น้อย เพราะต้องออกไปตามหาอุปกรณ์แต่ละชิ้นจากผู้ขายแต่ละเจ้า แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีแอปร้านกาแฟที่เราสามารถช้อปปิ้งออนไลน์ได้ในที่เดียวจบ ครบทุกอุปกรณ์อย่าง Coffee 2U ที่มีสินค้าให้เลือกช้อปปิ้งออนไลน์มากกว่า 1,000 รายการ สามารถเลือกซื้อได้ง่ายๆ ผ่านแอปเดียว พูดได้ว่าดูทั้งวันก็ไม่หมด! สามารถช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมมีระบบติดตามสถานะสินค้าและบริการหลังการขาย และชำระเงินได้หลายช่องทาง

มั่นใจได้ถึงคุณภาพของสินค้าทุกชิ้น การันตีโดย Aroma Coffee ผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบดและเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญและสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี
เจ้าของร้านกาแฟสามารถโหลดแอปพลิเคชันผ่านทาง App Store และ Play Store ได้แล้ววันนี้!
ดาวน์โหลด Coffee 2U ผ่าน App Store
ดาวน์โหลด Coffee 2U ผ่าน Play Store
WE ARE AROMAAroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน