COE กับความสำคัญต่อวงการกาแฟ

การพัฒนาของวงการกาแฟในทั่วโลกทำให้เกิดการก่อตั้งองค์กรเพื่อพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของกาแฟขึ้นมากมาย ดังที่เรามักจะเห็นการจัดประกวดเมล็ดกาแฟที่มีแทบทุกปีในทั่วทุกมุมโลก ซึ่งการประกวดเหล่านี้ก็จัดขึ้นโดยองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟ มอบรางวัลการันตีคุณภาพด้านต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ทั้งยังเป็นเครื่องหมายที่ช่วยเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับกาแฟที่ได้รับรางวัลอีกด้วย

Cup of Excellence
COE หรือ Cup of Excellence ก็เป็นอีกหนึ่งการประกวดกาแฟที่จัดขึ้นโดย ACE (Alliance of Coffee Excellence) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ประเทศบราซิล เมื่อปี 1999

การประกวดนี้มีจุดเริ่มต้นเนื่องจาก ในยุคหลังกาแฟจากประเทศบราซิลเป็นที่รู้จักและมักจะถูกพูดถึงในฐานะกาแฟแบบ Commercial ที่เน้นปริมาณ ปลูกและผลิตเพื่อการขาย แต่คุณภาพไม่สูง กลุ่มคนทำกาแฟในบราซิลจึงต้องการพัฒนากาแฟให้มีคุณภาพสูงเพื่อยกระดับและลบคำสบประมาท จึงได้ร่วมกันจัดการประกวดเมล็ดกาแฟที่บราซิล ในชื่อรายการ Best of Brazil โดยพัฒนา Platform มาจาก SCAA (Specialty Coffee Association of America) ขอฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรป จนในที่สุด Best of Brazil ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายในกลุ่มประเทศแถบอเมริกาใต้ อเมริกากลาง และแอฟริกาบางประเทศ

จากการประกวด Best of Brazil โดยกลุ่มคนทำกาแฟในบราซิล ได้พัฒนามาเป็นการประกวด Cup of Excellence หรือ COE ที่จัดโดยกลุ่มพันธมิตรเพื่อความเป็นเลิศทางกาแฟ หรือ ACE (Alliance of Coffee Excellence) ในปี 2002 และในปัจจุบันมีประเทศเข้าร่วมประกวดกับ COE ได้แก่ Brazil, Bolivia, Burundi, Colombia, Costa Rica, El Salvador, Ethiopia, Guatemala, Honduras, México, Nicaragua, Rwanda และ Perú

สุดยอดเมล็ดกาแฟมาตรฐาน COE

กาแฟที่ผ่านการประกวดจาก COE นั้นจะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น จะต้องมีฟาร์มปลูกกาแฟที่ดี มีการจัดการดูแลต้นกาแฟอย่างดี จากนั้นจะนำเมล็ดกาแฟมาทำการ Cupping จากคณะกรรมการซ้ำหลายครั้ง การบดกาแฟต้องเท่ากัน ห้ามเคาะเศษจากเครื่องบดลง การเทน้ำต้องพร้อมกันและเท่ากัน มีการแข่งขันกันทั้งหมด 6 รอบ ทุกรอบและทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมมากที่สุด เพื่อค้นหาสุดยอดเมล็ดกาแฟที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานตามแบบฉบับของ COE เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติอย่างแท้จริง

คณะกรรมการตัดสิน 2025 ท่านประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกาแฟจากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งจากประเทศไทย ที่ผ่าน COE Cupper Camp เพื่อเรียนรู้ถึงหลักในการ Cupping ของ COE ก่อน โดยเมล็ดกาแฟที่จะได้การยอมรับว่าเป็นกาแฟ COE นั้นจะต้องได้ Cupping Score สูงกว่า 86 คะแนนเท่านั้น ดังนั้นกาแฟที่ผ่านการรับรองและได้รับประทับตรา COE จึงถือเป็นสุดยอดเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี การันตีได้ถึงคุณภาพที่ดีเยี่ยมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

กว่า 20 ปี ของการประกวดมีเมล็ดกาแฟจากหลายแหล่งปลูกที่ได้รับการการันตีจาก COE ได้ถูกประมูลและนำเข้ามาในประเทศไทยให้คอกาแฟได้ลิ้มรสกาแฟคุณภาพมาตรฐาน COE กันบ้างแล้ว เช่น เมล็ดกาแฟ Colombia จากฟาร์ม Obraje ที่ได้ Cupping Score  90.61 ในการประกวด Colombia COE 2021, เมล็ดกาแฟ Costa Rica จากฟาร์ม La Esmeralda ได้ Cupping Score 90.89 ในการประกวด Costa Rica COE 2021, เมล็ดกาแฟ Nicaragua จากฟาร์ม Las Delicias ได้ Cupping Score 88.89 ในการประกวด Nicaragua COE 2021และเมล็ดกาแฟ Yemen จากฟาร์ม Wadi Shareef ที่ได้ Cupping Score 90.10 ในการประกวด Yemen COE 2021และยังมีเมล็ดกาแฟอีกหลายสายพันธุ์จากหลายแหล่งปลูกที่จะถูกนำเข้ามาให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มลอง

เช่นเดียวกับการประกวดเมล็ดกาแฟจากหลายเวทีที่จะส่งผลต่อเนื่องไปถึงราคากาแฟที่ได้รับรางวัล และความตื่นตัวในการพัฒนากาแฟของเกษตรกรและผู้ผลิต COE ก็เป็นอีกหนึ่งมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นการคัดเลือกสุดยอดเมล็ดกาแฟที่ผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนอย่างละเอียดจากผู้ทรงคุณวุฒิทั่วโลก ทั้งยังมีรูปแบบการตัดสินที่เป็นมาตรฐาน กาแฟที่ถูกประทับตรา COE จึงหมายถึง Cup of Excellence อย่างแท้จริง

CEO กับวงการกาแฟไทย

มากกว่าการประกวดที่จะทำให้คอกาแฟทั่วโลกได้สุดยอดเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพ คือการขับเคลื่อนการพัฒนาของวงการกาแฟในทั่วโลก คุณเซียะ เฉิน เซา (Mr. Shieh Chen Hsiao, International Jury Cup of Excellence, Taiwan) ประธานกรรมการการตัดสินการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย ACID 2018 และกรรมการการตัดสิน COE ระดับนานาชาติ เคยกล่าวเอาไว้ในการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟไทย ACID 2018 (Thailand Excellent Coffee) ที่ใช้มาตรฐาน COE ในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ว่า กาแฟที่ผลิตได้จากประเทศไทยนับว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราพบว่ากาแฟไทยที่สามารถทำคะแนนได้เกิน 80 คะแนนมีมากขึ้น จนถึงวันนี้มีกาแฟไทยจำนวนหนึ่งสามารถทำคะแนนได้สูงกว่า 85 คะแนน ทำให้ก้าวขึ้นสู่กาแฟที่เรียกได้ว่าเป็นกาแฟพิเศษ หรือ Cup of Excellence อย่างแท้จริง ถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมกาแฟของไทยในระดับสากล

จะเห็นได้ว่ามาตรฐาน COE ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาของวงการกาแฟไทย ให้เกษตรกรตระหนักและร่วมมือกันปลูกและการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน COE ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นั่นจะช่วยยกระดับให้กาแฟไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

 

ข้อมูล: ACE: https://allianceforcoffeeexcellence.org
COE: https://cupofexcellence.org
Aroma Group

                                                                                                                                                                                   

QUOTE

“คณะกรรมการตัดสินประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกาแฟจากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งจากประเทศไทย ที่ผ่าน COE Cupper Camp เพื่อเรียนรู้ถึงหลักในการ Cupping ของ COE”

“เมล็ดกาแฟที่จะได้การยอมรับว่าเป็นกาแฟ COE นั้นจะต้องได้ Cupping Score สูงกว่า 86 คะแนนเท่านั้น”