“ชาเขียวจะช่วยเยียวยาจิตใจ” วลีนี้อาจถูกหยิบมาพูดโดยใครที่หลงใหลชาเขียวแบบสุดๆ แต่เอาเข้าจริง ชาเขียว ก็นับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มครองใจผู้คนจำนวนไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่ามีการสร้างคอมมิวนิตี้ชาเขียวเลิฟเวอร์กันแบบจริงจัง ไม่น้อยหน้ากาแฟเลยด้วยซ้ำ เพราะก็ต้องยอมรับว่า วัตถุดิบหลากมิติอย่าง ชาเขียว สามารถหยิบไปจับคู่ ปรุงเพิ่มเสริมแต่งกับเมนูเครื่องดื่มได้อีกนับร้อยนับพัน แถมยังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับชาเขียวชาใจ เมนูที่ใครหลายคนหลงรัก นอกเหนือจากความอร่อย สดใส ให้ความสดชื่นแล้วนั้น ชาเขียวจะให้อะไรกับสายดื่มชาบ้าง

ข้อแตกต่างระหว่าง กรีนที กับ มัทฉะ

ข้อแตกต่างระหว่าง กรีนที กับ มัทฉะ

ทั้ง ชาเขียว (Green Tea) และ มัทฉะ (Matcha) มักเป็นชื่อเมนูที่ตีคู่กันมาเสมอบนลิสต์เครื่องดื่มตามร้านกาแฟ และมักสร้างความสับสนอยู่บ่อยครั้ง ว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่ต่างกันอย่างไร ? ซึ่งตามหลักความเป็นจริง ชาเขียว (Green Tea) และ มัทฉะ (Matcha) เป็นเครื่องดื่มที่แสดงถึงเมนูชาเขียวเหมือนกัน เป็นชาเขียวที่จัดเป็นพืชในสกุล Camellia แบบเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งชาเขียวปกติและชาเขียวแบบมัทฉะ มีข้อแตกต่างกันอยู่พอสมควรทีเดียว อันดับแรกเลยคือ รูปแบบการผลิตจนมาเป็นวัตถุดิบพร้อมชง ‘ ชาเขียว (Green Tea) ’ จะมีลักษณะเป็นใบชาตากแห้ง ซึ่งอาจถูกบรรจุมาในกระปุกรวมกันหรือใส่อยู่ในซองไนลอนสำหรับแช่ก็ได้

ในขณะที่ มัทฉะ (Matcha) จะมาในลักษณะผงชาเขียวที่ผ่านการบดอย่างละเอียดมาแล้ว ปรากฏเป็นผงสีเขียวนวลเข้มหรืออ่อน ซึ่งชาเขียวแบบมัทฉะจะมีความเข้มข้นสูง ข้อแตกต่างอันดับต่อมานั่นก็คือ กรรมวิธีการชง ชาเขียวกรีนที จะถูกชงด้วยการนำใบชาแห้งมาสกัดกับน้ำร้อน เพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำชาเขียวที่เป็นเบสพร้อมไปปรุงเพิ่มกับนมหรือไซรัป ส่วนชาเขียวมัทฉะจะต้องนำผงชาเขียวละเอียดมาผสมกับน้ำร้อนหรือนมร้อน ตีคนให้เข้ากันด้วยถ้วยกระเบื้องขนาดกลางพร้อมแปรงตีชา (Chasen) กรรมวิธีนี้ที่จะได้มาซึ่งเบสชาเขียวเข้มข้น สามารถเพิ่มนมแล้วดื่มได้เลยหรือนำไปปรุงรสชาติเพิ่มก็ได้

แต่ทั้งนี้ รสสัมผัสที่ได้จากแบบกรีนทีและมัทฉะก็ต่างกันไม่น้อย ชาเขียวแบบกรีนที จะมีความนุ่ม หอมอ่อนๆ ฝาดเล็กน้อย มักนิยมดื่มเป็นชาเขียวร้อน หรือ ชาเขียวเย็นแบบใส ขณะที่ มัทฉะ รสสัมผัสจะมีความหนักแน่นกว่ามาก ให้รสชาติที่เข้มข้นและขมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผู้คนมักนิยมนำไปผสมกับนมหรือน้ำผึ้ง เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ท้ายที่สุด ทั้งกรีนทีและมัทฉะ ให้ปริมาณคาเฟอีนที่ไม่เท่ากัน ชาเขียวกรีนที ให้ปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 11 – 25 มิลลิกรัม ต่อชาเขียว 1 กรัม ส่วน มัทฉะ จะให้ปริมาณคาเฟอีน อยู่ที่ 19 – 44 มิลลิกรัมต่อมัทฉะ 1 กรัม

ประโยชน์ที่น่าสนใจในชาเขียว

ไม่เพียงแค่อร่อยและให้ความสดชื่น แต่ชาเขียวในทุกประเภท ไม่ว่าจะ กรีนทีธรรมดา หรือ มัทฉะเข้มข้น ล้วนมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพซ่อนเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง ในปัจจุบันมีผลวิจัยและการศึกษาที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตอกย้ำว่า ชาเขียว มีคุณประโยชน์มากมายกว่าที่คิด โดยจะมีประเด็นหลัก ๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

ประโยชน์ที่น่าสนใจในชาเขียว
  1. ลดน้ำหนัก (Weight Loss)งานวิจัยหลายชิ้นเห็นพ้องต้องกันว่า ชาเขียวนั้นมีส่วนช่วยในเรื่องลดน้ำหนักได้จริง เพราะในชาเขียว ประกอบไปด้วย คาเทชิน (catechins) และ คาเฟอีน (caffeine) ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญของร่างกาย
  2. ลดการอักเสบของผิว (Inflammatory skin conditions)ชาเขียว มีคุณสมบัติโดดเด่นช่วยลดอาการอักเสบ เนื่องจากมีสารสำคัญ คือ Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีคุณสมบัติลดอาการอักเสบของผิว เป็นเหตุให้ในปัจจุบัน ได้มีการนำชาเขียว มาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของเครื่องสำอางประทินผิว นอกจากนี้ สารชนิดดังกล่าว ยังช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในลำไส้ ส่งผลให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น ลดการสะสมสารพิษ
  3. ผลดีต่อสุขภาพหัวใจ (Healthy Heart)ผลวิจัยชี้ชัดว่าการดื่มชาเขียว มีส่วนช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดได้จริง ทั้งนี้ สารพอลิฟีนอล หรือ สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในชาเขียว มีส่วนช่วยลดความดันโลหิต ปรับปรุงการทำงานของเยื่อบุผิว และลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจในหมู่คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์และกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วน
  4. กระตุ้นการทำงานของสมอง (Boost Brain Function)ชาเขียวอุดมไปด้วยสารสกัดธรรมชาติมากมาย เช่น คาเฟอีน ถึงแม้ในชาจะมีคาเฟอีนไม่สูงเท่ากาแฟ แต่ก็มีปริมาณมากพอที่ช่วยให้สมองตื่นตัวและมีสมาธิเพิ่มขึ้นได้ ยังไม่นับรวม กรด Amino Acid L-theanine ที่ช่วยเพิ่มสารเคมีบางตัวในสมอง ส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการตึงเครียดได้ ในแง่การทำงานของสมองอื่น ๆ ชาเขียวยังมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมโทรมของสมองอีกด้วย
  5. ผลดีต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด (Support Blood Sugar Control)ผลวิจัยอีกหนึ่งแง่มุม เปิดเผยว่า ชาเขียว มีส่วนช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินในร่างกาย และส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือดอีกด้วย

แนะนำอ่านต่อ : แจกสูตรวิธีทำชานม เมนูยอดฮิต ชงอย่างไรให้อร่อยเหมือนต้นฉบับ

เคล็ดไม่ลับ ดื่มชาเขียวให้ได้คุณประโยชน์สูงสุด และข้อควรระวัง

ถึงแม้ว่าประโยชน์ของชาเขียวจะมีหลากหลายอย่างคาดไม่ถึง แต่การบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะพอดีเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงอยู่เสมอ จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ การดื่มชาเขียวในปริมาณ 3 ถ้วยต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าปริมาณ 320 มิลลิกรัม เป็นระดับที่ส่งดีต่อสุขภาพสูงสุด นอกจากนี้ ควรดื่มชาเขียวระหว่างมื้ออาหาร หรือ ในขณะที่ท้องไม่ว่าง เพราะการบริโภคขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารและปวดท้อง ยังมีสิ่งที่ต้องพึงระวังในการดื่มชาเขียวอีกหลายอย่าง เช่น

  • ไม่ควรดื่มชาเขียวมากกว่า 5 ถ้วยต่อวัน เพราะอาจทำให้ระดับคาเฟอีนสูงกว่าปกติและเกิดอาการใจสั่น กระสับกระส่าย หรือ หัวใจเต้นผิดปกติได้
  • ควรเลี่ยงการดื่มชาเขียวในคนท้อง
  • บุคคลที่ร่างกายไวต่อคาเฟอีน ต้องระวังการดื่มชาเขียวให้มาก เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงอย่างรุนแรงได้ เช่น ปวดหัวรุนแรง อาเจียน นอนไม่หลับ วิตกกังวล

4 เมนูยอดฮิตแนะนำ จากชาเขียว ดื่มง่ายทำได้ที่บ้าน

1. ชาเขียวนมสด (Iced Green Tea)

วัตถุดิบ :

  • ใบชาแห้ง หรือ ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำร้อน ประมาณ 200 ml.
  • นมข้นหวาน / น้ำตาลทราย
  • นมสด ประมาณ 50 ml.
  • น้ำแข็ง

อุปกรณ์ :

  • เครื่องชงชา / กาชงชา
  • ภาชนะสำหรับตวงและช้อน
  • แก้วสำหรับดื่ม

วิธีทำ :

  • หากใช้ผงชาเขียวให้นำมาชงกับน้ำร้อนแล้วกรองเอาเฉพาะน้ำชาเขียว แต่ถ้าใช้ใบชาแห้ง สามารถชงผ่านการชงชา หรือ ใช้วิธีแช่กับน้ำร้อนทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ก็จะได้เบสน้ำชาเขียว
  • นำเบสน้ำชาเขียวมาปรุงรสชาติเพิ่ม เติมน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ และนมสดจืด 50 ml. ผสมให้เข้ากัน
  • เตรียมแก้วพร้อมดื่ม ใส่น้ำแข็ง จากนั้นเทส่วนผสมชาเขียวที่ปรุงเมื่อครู่ลงไป สามารถออนท็อปด้วยวิปปิงครีมหรือโฟมนมตามต้องการ
2. มัทฉะลาเต้ (Iced Matcha Latte)

วัตถุดิบ :

  • ผงมัทฉะ 3 กรัม (1.5 ช้อนชา)
  • น้ำอุ่น 40 ml.
  • นมสด 150 ml0
  • ไซรัป
  • น้ำแข็ง

อุปกรณ์ :

  • ถ้วยชงชา
  • ภาชนะสำหรับตวงและช้อน
  • แก้วสำหรับดื่ม

วิธีทำ :

  • นำผงมัทฉะปริมาณ 1.5 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่น 40 ml. ในถ้วยชงและคนให้เข้ากันด้วย Chasen หากไม่มีให้ใช้ช้อนหรือเครื่องตีฟองนมแทนได้ เมื่อเข้ากันแล้วพักไว้
  • เตรียมแก้วพร้อมน้ำแข็ง เทนมสดลงไปและปรุงความหวานตามชอบด้วยไซรัป จากนั้นนำมัทฉะที่ชงไว้ก่อนหน้า เทตามลงไป ก็จะได้ชั้นนมสดและชาเขียวแบบแยกชั้นอย่างมีศิลปะ นั่นจึงเรียกว่า ‘มัทฉะลาเต้’
3. ดัลโกนามัทฉะลาเต้ (Dalgona Matcha Latte)

วัตถุดิบ :

  • ผงชาเขียวธรรมดา หรือ ผงมัทฉะ
  • น้ำร้อน
  • น้ำตาลทราย
  • นมสด
  • วิปปิงครีม (ตามชอบ)
  • น้ำแข็ง

อุปกรณ์ :

  • ภาชนะสำหรับตวงและช้อน
  • แก้วสำหรับชง
  • แก้วสำหรับดื่ม

วิธีทำ :

  • นำผงชาเขียวสำเร็จรูปที่มี ในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ มาชงกับน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะและน้ำร้อนประมาณ 15 – 30 ml. ผสมให้เข้ากันด้วยช้อนหรือเครื่องตีฟองนม
  • จากนั้นให้ใส่วิปปิงครีมลงไปเล็กน้อย และคนให้เข้ากันอีกครั้ง เนื้อสัมผัสจะข้นหนืดพอประมาณ
  • เตรียมแก้วพร้อมน้ำแข็ง และเทนมสดปริมาณ 250 ml. ลงไป ตามด้วยเบสชาเขียวที่ผสมไว้เมื่อครู่ลงไปด้านบน ชั้นนมและชาเขียวจะแบ่งชั้นอย่างชัดเจน พร้อมเสิร์ฟ
4. กาแฟชาเขียว (Green Tea Coffee)

วัตถุดิบ :

  • น้ำชาเขียว ที่ได้จากการชงหรือสกัด
  • น้ำร้อน
  • ไซรัป หรือ นมข้นหวาน
  • นมสด
  • กาแฟดำ หรือ อเมริกาโน
  •  น้ำแข็ง

อุปกรณ์ :

  • ภาชนะสำหรับตวงและช้อน
  • แก้วสำหรับชง
  • แก้วสำหรับดื่ม

วิธีทำ :

  • นำเบสน้ำชาเขียวที่ได้จากการชงร้อน หรือ จากการสกัดด้วยกาชงชา ในปริมาณ 30 ml. มาผสมกับนมสดปริมาณ 45 ml. ปรุงรสชาติด้วยไซรัปเล็กน้อย แล้วเทลงในแก้วที่ใส่น้ำแข็งเตรียมไว้
  • สามารถเพิ่มนมสดลงไปเป็นชั้นตรงกลางด้วยการรินผ่านช้อน จากนั้นให้นำกาแฟดำ หรือ อเมริกาโนที่เตรียมไว้เทใส่เป็นชั้นบนสุด โดยวิธีการริน ควรรินผ่านหลังช้อนอย่างช้า ๆ เพื่อให้เป็นชั้นสวยงาม หากไม่มีเครื่องชากาแฟ สามารถใช้กาแฟสำเร็จรูปทุกรูปแบบแทนได้ เช่น Cold Brew
5. ชาเขียวมะนาวโซดา (Iced Green Tea Lemon Soda)

วัตถุดิบ :

  • ชาเขียวซองสำเร็จรูป หรือ ใบชาแห้ง
  •  น้ำร้อน
  • น้ำมะนาว
  • ไซรัป
  • โซดา
  •  น้ำแข็ง

อุปกรณ์ :

  • ภาชนะสำหรับตวงและช้อน
  •  แก้วสำหรับชง
  • แก้วสำหรับดื่ม

วิธีทำ :

  • นำใบชาเขียวแห้งมาสกัดกับน้ำร้อน หรือ นำชาเขียวซองสำเร็จรูปมาแช่ในน้ำร้อนประมาณ 10 นาที เพื่อให้ได้เบสน้ำชาเขียวใส ในปริมาณ 60 ml.
  • จากนั้นให้นำน้ำชาเขียวที่ได้ มาผสมกับน้ำมะนาว 5 ml. และไซรัปประมาณ 30 ml. จากนั้นคนให้เข้ากัน
  •  เทชาเขียวที่ได้ลงในแก้วพร้อมน้ำแข็ง เติมโซดาตามลงไป สามารถตกแต่งด้วยมะนาวฝาน เป็นอันเสร็จ

ก็นับว่า ‘ชาเขียว’ เป็นเมนูเครื่องดื่มครองใจสายชาไม่น้อยเลยจริงๆ เพราะนอกจากจะตอบโจทย์ทั้งสายชาเขียวใสและชาเขียวนม ก็ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย-สดชื่นอีกต่างหาก แต่ทั้งนี้ การบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะพอดี จะช่วยให้เรารับแต่คุณประโยชน์ดี ๆ และมีคุณค่าต่อสุขภาพอย่างสูงสุด