กาแฟ กลายเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายคนที่ลำดับความสำคัญรองลงมาจากน้ำเปล่าเลยก็ว่าได้ คอฟฟีเลิฟเวอร์ส่วนใหญ่จึงมักเลือกดื่มกาแฟกันเป็นกิจวัตรประจำวัน ราวกับว่าหากไม่ดื่มสักครั้งก็จะรู้สึกขาดขึ้นมาทันที ความนิยมการดื่มกาแฟที่นับวันมีแต่จะทวีคูณนี้ ส่งผลให้มีเมนูกาแฟในดวงใจและเป็นที่นิยมสูง หนึ่งในนั้นคือ “กาแฟดำ” เมนูยอดฮิตตลอดกาลในโลกกาแฟ ที่พ่วงมาด้วยกิตติศัพท์มากมาย ทั้งรสชาติแบบดั้งเดิมไม่เติมแต่งและคุณประโยชน์ทางสุขภาพที่คับแก้ว เกินจินตนาการ

กาแฟดำ คืออะไร

กาแฟดำ หรือ Black Coffee เป็นเมนูเครื่องดื่มระดับตำนานในอาณาจักรกาแฟเลยก็ว่าได้ ปกติแล้ว จะเป็นกาแฟที่ได้จากการสกัดเมล็ดกาแฟคั่วออกมาเป็นช็อตเอสเปรสโซ่ร้อน สามารถดื่มสดก็ได้หรือจะนำไปเจือจางกับน้ำเปล่าก็ดี และที่สำคัญ กาแฟดำ จะไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติหรือครีมนม เรียกว่ายืนพื้นความออริจิ้นมาเสมอ ถึงแม้จะเป็นเมนูที่แทบจะถือกำเนิดมาพร้อมกับอารยธรรมกาแฟโบราณ แต่ก็นับว่าเป็นเมนูที่ “ฆ่าไม่ตาย” และอยู่ครองใจสายกาแฟเก่าใหม่ได้จนปัจจุบัน ไม่ว่าจะด้วยรสชาติเข้ม ขม ถูกใจคอกาแฟหลากหลายคอมมู หรือจะเป็นเมนูที่ชูกลิ่นและลักษณะเฉพาะของเมล็ดกาแฟได้อย่างโดดเด่น

“กาแฟดำ” จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นหิ้งที่ไม่ได้จับตลาดแค่นักล่าคาเฟอีนเท่านั้น แต่กาแฟดำ ยังมีคุณประโยชน์ซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดาในความคลาสสิคนี้ ส่งผลให้รสนิยมของผู้ชื่นชอบในกาแฟดำนั้นมีแต่จะทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนที่ชอบดื่มมักเคยชินกาแฟดำในรูปแบบของเอสเปรสโซ่ใส่น้ำ แต่แท้จริงแล้ว กาแฟดำ นั้นมีประเภทแตกหน่อออกไปได้ถึง 5 เมนู

Americano

“อเมริกาโน่” เป็น 1 ในเมนูกาแฟดำที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ผ่านการชงด้วยเอสเปรสโซ่ร้อน 1 – 2 ช็อต ก่อนนำไปเจือจางกับน้ำร้อนหรือน้ำเปล่าด้วยวิธีการเทช็อตกาแฟลงในแก้วแล้วนำน้ำเปล่าหรือน้ำร้อนเทตามลงไป การเจือจางด้วยวิธีนี้จะทำให้เมนูกาแฟอเมริกาโน่ที่ได้ไม่ทิ้งครีมม่าเอาไว้ แต่จะได้รสชาติใสและไลท์แทน

Long Black

“ลองแบล็ค” เป็นเมนูกาแฟดำที่คล้ายคลึงกับอเมริกาโน่มากจนแทบจะแยกความต่างไม่ออก Long Black ได้จากการสกัดช็อตกาแฟในปริมาณ 1 – 2 ช็อต ก่อนนำมาเทลงสู่น้ำร้อนหรือน้ำเปล่าเพื่อเจือจาง แต่ความต่างที่แสนพิเศษของลองแบล็คอยู่ที่ตัวครีมม่าที่เกิดจากการเทช็อตกาแฟเข้มข้นลงไปทีหลัง จึงทำให้ ลองแบล็ค เปรียบเสมือนกาแฟดำผสมน้ำที่มีครีมม่าลอยอยู่ด้านบน ให้เหล่านักดื่มได้สัมผัสอโรม่าของกาแฟอย่างเต็มที่ ลองแบล็ค เป็นเมนูที่นิยมมากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ร้านกาแฟออสซี่ส่วนใหญ่จึงมักให้บริการกาแฟดำในเมนู “Long Black” เป็นหลัก

Espresso

“เอสเปรสโซ่” นับเป็นต้นตำรับกาแฟดำที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นเมนูที่ถูกค้นพบมาเป็นลำดับแรกๆของโลกในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จุดเด่นแสนคลาสสิคของเอสเปรสโซ่ คือการสกัดเมล็ดกาแฟคั่วบดออกมาเป็นช็อตกาแฟเพรียวและสามารถดื่มได้ในทันทีโดยไม่ต้องเจอปนกับน้ำ กาแฟดำสกัดเข้มข้นสูงนี้จะให้บอดี้หนัก ครีมม่าแน่น และแสดงรสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Lungo

“ลุงโก” เป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่า “Long” สื่อถึงกาแฟดำประเภทเดียวกับเอสเปรสโซ่ ฉะนั้น ‘Lungo’ หรือ ‘Long Espresso’ จึงเป็นเอสเปรสโซ่ฉบับที่มีระยะเวลาการสกัดยาวนานกว่า ขณะที่เอสเปรสโซ่เดิมมักสกัดได้ภายใน 25 วินาทีเท่านั้น แต่ Lungo จะใช้เวลาสกัดเป็นกาแฟนานถึง 40 นาที ทำให้เมนูลุงโกที่ได้จะมีความขมมาก (เกิดจากการ over extracted) และปริมาณน้ำที่มากกว่าเอสเปรสโซ่ปกติ

Doppio

“Doppio” เป็นภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า “Double” สื่อถึงกาแฟดำชนิดเดียวกับเอสเปรสโซ่เพียงแต่มาในรูปแบบดับเบิ้ลช็อต ฉะนั้น Doppio จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็น Double Espresso ก็ได้ เพราะปริมาณช็อตกาแฟที่มาก 1 เท่าตัว จึงทำให้กาแฟด็อปปิโอมีความเข้มข้นสูงกว่า และปริมาณคาเฟอีนสูงกว่าเอสเปรสโซ่วันช็อต (Doppio มีปริมาณคาเฟอีน = 140 – 160 mg.)

ทำไมกาแฟดำถึงนิยมในหมู่คนรักสุขภาพ

ไม่เพียงแค่การหันมาดื่มตามฉบับออริจิ้นเท่านั้นที่ทำให้กาแฟดำแบบไม่หวานเข้ามาเป็นขวัญใจคอกาแฟชาวไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะกาแฟดำแบบไม่หวาน นอกเหนือจากจะได้เครื่องดื่มคาเฟอีนที่ไร้คอเลสเตอรอลแล้ว กาแฟดำยังมีคุณประโยชน์สำคัญที่ทั้งช่วยส่งเสริมสุขภาพในหลายด้านและมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดโรคอีกหลายชนิด

7 ประโยชน์ของกาแฟดำที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

7 ประโยชน์ของกาแฟดำที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

1. ช่วยควบคุมหรือลดน้ำหนัก

“กาแฟดำช่วยควบคุมหรือลดน้ำหนัก” เป็นคุณประโยชน์ที่ถูกพูดบ่อยที่สุด เนื่องจากในตัวกาแฟดำไม่มีการแต่งรสชาติหรือเติมครีมนม กาแฟดำจึงเป็นเมนูที่ไม่มีแคลอรี ทำให้ง่ายต่อการควบคุมน้ำหนักแม้จะต้องดื่มเป็นประจำ มากกว่านั้น กาแฟดำยังมีกรดธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้นและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆในร่างกายเพื่อเอื้อต่อการควบคุมน้ำหนักนั่นเอง

2. กระตุ้นร่างกาย สร้างเอเนอจี้พร้อมทำงาน

ในกาแฟดำจะมีสารสื่อประสาทที่เรียกว่า “สารเคมีแห่งความสุข” (เช่น Dopamine หรือ Norepinephrine) ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกตื่นตัว รู้สึกสนุกสนาน ปรับอารมณ์ให้อยู่ในมู้ดที่ดีขึ้นเพื่อพร้อมต่อการทำงานหรือกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญ สารสื่อประสาทในกาแฟดำยังมีส่วนช่วยปรับปรุงความทรงจำของสมองคนเราให้ดีขึ้นได้อีกด้วย

3. สามารถช่วยลดอาการเครียดหรือซึมเศร้าได้

เนื่องจากในกาแฟดำมีสารเคมีที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ที่ดีและช่วยต้านอาการเศร้า นอกจากโดปามีนที่เป็นสารเคมีแห่งความสุขแล้ว ยังมีสารเซโรโทนินที่ช่วยให้ผ่อนคลายจากความเครียดหรืออาการซึมเศร้าได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ กาแฟดำยังมีกรดเฟรูลิกและคาเฟอิกที่สามารถช่วยลดการอักเสบของเซลล์ประสาทในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า ช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่ดีหรือความรู้สึกที่เป็นทุกข์ได้นั่นเอง

4. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

ในกาแฟดำจะมีสารประกอบอินทรีย์ที่ชื่อว่า “นิโคติน” ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในเลือดและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไขมันในหลอดเลือดสูง ผลวิจัยชี้ว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟดำ 1 – 2 แก้วต่อวันจะสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดในสมองได้ แต่… กาแฟดำไม่ถูกแนะนำให้ดื่มเด็ดขาดในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว

5. มีสารต้านอนุมูลอิสระ สุขภาพดี

ในกาแฟดำอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง เช่น โพแทสเซียมและแมกนีเซียม ที่ช่วยเรื่องดูแลระดับของเหลวในร่างกายและรักษาความดันโลหิต รวมถึงวิตามินชนิดต่างๆที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและอัตราการเผาผลาญของร่างกาย

6. ลดความเสี่ยงโรคเกาต์

ในกาแฟดำจะมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น คาเฟอีนและโพลีฟีนอล คาเฟอีนมีส่วนช่วยป้องกันการสะสมของกรดยูริกในชั้นเนื้อเยื่อ ส่วนโพลีฟีนอลก็สามารถช่วยลดระดับอินซูลินได้ ซึ่งระดับอินซูลินที่ลดลงจะส่งผลให้ร่างกายสามารถกำจัดกรดยูริกได้ในทางอ้อม ฉะนั้น การดื่มกาแฟที่มีสารโพลีฟีนอลจะช่วยยับยั้งความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ได้อีกด้วยนั่นเอง

7. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

ผลวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การดื่มกาแฟดำเป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และมะเร็งทวารหนัก เนื่องจากคุณประโยชน์ของกาแฟดำที่มีสารช่วยยับยั้งการอักเสบภายในเซลล์ ป้องกันการพัฒนาของเนื้องอกได้นั่นเอง

ดื่มกาแฟดำช่วงไหนดีที่สุด

ปกติแล้วการดื่มกาแฟทุกชนิดไม่ควรดื่มในทันทีหลังตื่นนอน เพราะร่างกายอาจไปเพิ่มระดับคอลติซอลให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพเล็กน้อยได้ กาแฟดำมีรสชาติเข้มข้นและอุดมไปด้วยสารเคมีตื่นตัว จึงเหมาะกับการดื่มในช่วงเช้าถึงช่วงสายของวัน ประมาณ 10.00 – 12.00 (หากตื่นนอน 7 โมงเช้า) หรือหลังจากตื่นนอนประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานจากกาแฟได้ยาวนานขึ้น

เนื่องจากกาแฟดำนั้นมีความเข้มข้นสูงเป็นปกติและมีกรดกาแฟที่ชัดเจน จึงไม่ควรดื่มในขณะท้องว่างเพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหาร

เห็นแบบนี้แล้ว ก็คงไม่แปลกใจเลยใช่ไหมว่า ทำไม “กาแฟดำ” จึงได้เป็นที่นิยมระดับตำนานมาเสมอขนาดนี้ เพราะไม่เพียงแค่รสชาติและ taste note ที่มีความพิเศษเฉพาะ แต่คุณประโยชน์ที่อัดแน่นอยู่ในเมนูนี้ก็ถือว่าชูความพิเศษขึ้นไปแบบทวีคูณเลยทีเดียว ถ้าเกิดจะเรียกเมนู “กาแฟดำ” ว่า “ขวัญใจโลกกาแฟ” ก็อาจไม่เกินจริง!