ในช่วงนี้หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ถึงแม้ในทางสถิติอาจจะยังไม่เท่ากับในช่วงภาวะปกติ แต่ต้องบอกเลยว่าธุรกิจต่างๆ ก็กำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือร้านกาแฟ คาเฟ่ และแน่นอนว่าคงมีเจ้าของธุรกิจมือใหม่สนใจ “อยากเปิดร้านกาแฟ” กันไม่น้อยเลยทีเดียว
ร้านกาแฟเป็นธุรกิจที่เรียกได้ว่าเนื้อหอมพอสมควร เพราะกาแฟถือเป็นประเภทเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมมายาวนาน เป็นที่รู้จักทั่วไป และเข้าถึงง่ายนั่นเอง แต่หนึ่งในคำถามมากมายที่เจ้าของธุรกิจมือใหม่มักมีคือ จะเลือกอุปกรณ์ร้านกาแฟให้ถูกต้องยังไง? ดังนั้น Aroma จะมาไขข้อสงสัยนี้ ด้วยเคล็ดไม่ลับดีๆ ในบทความนี้กัน
1. เครื่องชงกาแฟ หัวใจหลักของร้านกาแฟและคาเฟ่
ถ้าขาดเครื่องชงกาแฟไป ก็คงไม่ใช่ร้านกาแฟจริงๆ แน่นอนว่าเครื่องชงกาแฟนั้นมีหลายประเภทมากๆ ทั้งนี้เครื่องชงกาแฟเอสเปรซโซ (Espresso Machine) ก็เป็นประเภทที่นิยมใช้งานมากที่สุด เพราะสามารถทำกาแฟได้รวดเร็วและชงต่อเนื่องได้ตลอดวัน ดังนั้นจึงต้องใส่ใจในการเลือกเครื่องชงกาแฟอย่างมาก โดยต้องคำนึงถึงเรื่อง งบประมาณ ขนาดของร้าน จำนวนแก้วที่ชงต่อวัน รวมไปถึงขนาดของหม้อต้ม

นอกจากนี้ เครื่องชงกาแฟบางรุ่นอาจมีออปชั่นเสริมอย่างเครื่องตีฟองนม ที่อาจทำให้ราคาสูงกว่าหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน รวมถึงต้องนึกถึงบริการหลังจากขาย เช่น อะไหล่ การรับประกัน จากผู้จัดจำหน่ายด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าต่อธุรกิจในระยะยาว
2. เมล็ดกาแฟ ตัวกำหนดทิศทางของรสชาติกาแฟ
ในปัจจุบัน เมล็ดกาแฟมีให้เลือกซื้ออย่างหลากหลายมากๆ ทั้งในด้านของแหล่งเพาะปลูก ซึ่งแต่ละแหล่งก็จะผลิตเมล็ดกาแฟที่ให้รสชาติต่างกัน กระแสกาแฟ Single Origin หรือกาแฟที่มาจากแหล่งเฉพาะปลูกเดียวก็กำลังเป็นที่นิยม หรือเจ้าของธุรกิจอาจจะอยากเปิดร้านกาแฟที่มีความหลากหลายทางรสชาติ โดยเลือกกาแฟ Blend ที่ผสมเมล็ดกาแฟ 2 พันธุ์ขึ้นไปมาใช้ก็ได้

ทั้งนี้ควรคำนึงถึงเอกลักษณ์ของร้านและความสนใจของลูกค้าเป็นหลัก ว่าไปในทิศทางไหน เพราะคอกาแฟบางกลุ่มอาจชื่นชอบกาแฟพันธุ์อราบิก้า (Arabica) ที่มีกลิ่นหอมและนุ่มลิ้น ส่วนอีกกลุ่มอาจจะชอบกาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) ที่มีรสชาติและสัมผัสที่เข้มข้นกว่า
นอกจากนี้ ยังมีกาแฟแบบ Specialty Coffee ซึ่งเป็นกาแฟพิเศษที่ใส่ใจดูแลกันตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก เก็บเกี่ยว คั่ว บด กลั่น ชง จนออกมาเป็นกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านตัวเองก็ทำได้เช่นกัน
3. วัตถุดิบเสริม ตามดีไซน์เมนูต่างๆ
แม้จะไม่ใช่อุปกรณ์ร้านกาแฟโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นองค์ประกอบของร้านกาแฟที่ขาดไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องการดื่มกาแฟเสมอไป เช่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจชื่นชอบเครื่องดื่มอย่างโกโก้ ชาเขียว หรือน้ำผลไม้มากกว่า หรือในบางช่วงเวลาอย่างตอนเย็นที่หลายๆ คนก็มักจะหยุดดื่มกาแฟและหันไปดื่มอย่างอื่นแทน การมีวัตถุดิบเสริมเพื่อทำเมนูอื่นๆ จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นใบชา ไซรัป ผลิตภัณฑ์นม ไปจนถึงท็อปปิ้งชนิดต่างๆ
นอกจากนี้ เมื่อมีเครื่องดื่มแล้วก็ต้องมีของหวานติดร้านกาแฟหรือคาเฟ่เอาไว้ด้วย ซึ่งอาจเป็นขนมชิ้นเล็กๆ อย่าง คุกกี้ บราวนี่ ครัวซอง หรืออัปเกรดมาเป็นเค้กหรือแซนด์วิชก็ได้เช่นกัน ยิ่งหากเป็นคาเฟ่แบบมีที่นั่งแล้ว ยิ่งพลาดเมนูขนมหวานไปไม่ได้เลย
4. ของใช้จำเป็นภายในร้านกาแฟ ต้องครบเอาไว้ก่อน

จะเปิดร้านกาแฟทั้งทีก็ต้องเลือกของใช้อุปกรณ์ร้านกาแฟให้ครบครัน แม้ของบางอย่างอาจจะไม่ได้ใช้ทันทีหรือใช้งานบ่อยนัก แต่ก็ควรมีไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นช้อนขนาดต่างๆ เหยือกตีฟองนม แปรงล้างหัวชง แก้วตวงช้อนตวง แทมเปอร์ ผงล้างหัวชงเครื่องกาแฟ ผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์ ฯลฯ ทั้งนี้เจ้าของธุรกิจก็ไม่จะเป็นต้องซื้อทั้งหมดภายในครั้งเดียว แต่อาจจะทยอยซื้อไปตามงบประมาณที่มีและลำดับความสำคัญเป็นหลัก
พอมีของใช้ให้พนักงานแล้ว ก็ต้องมีของใช้ให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุนซื้อกาแฟด้วย เช่น หลอดพลาสติก กระดาษทิชชู่ เหยือกใส่น้ำเชื่อม น้ำตาลซอง ไม้จิ้มฟัน เป็นต้น ซึ่งอาจจะจัดวางเป็นมุมเล็กๆ สร้างความสะดวกและความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้ไม่น้อยเลย
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ก็ล้วนเป็นอุปกรณ์ร้านกาแฟที่ควรมีไว้เป็นอันดับต้นๆ ก่อนจะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมายที่เจ้าของธุรกิจมือใหม่ควรจดเอาไว้
ส่วนเจ้าของธุรกิจท่านใดที่อยากเปิดร้านกาแฟ แต่ไม่รู้จะไปซื้ออุปกรณ์จากที่ไหน ก็สามารถเข้ามาเลือกซื้อเลือกช้อปออนไลน์อย่างจุใจได้ที่ aromathailand.com
WE ARE AROMA
Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน