การชงกาแฟให้มีรสชาติที่ดีออกมาได้สักแก้วนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชนิดของเมล็ดกาแฟที่นำมาชงเป็นหลัก จนทำให้หลายคนไม่ได้สนใจวิธีเลือกเครื่องชงกาแฟมากนัก เพราะคิดว่าเครื่องชงกาแฟแบบไหนๆ ก็เหมือนกัน เพราะชงกาแฟออกมามีรสชาติไม่ต่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะชงกาแฟออกมาให้มีคุณภาพดีนั้น เกิดจากการเลือกสรรเครื่องชงกาแฟที่ถือเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แต่อย่างไรก็ตามเครื่องชงกาแฟมีหลากหลายประเภท ทำให้หลายคนสงสัยว่าจะเลือกเครื่องกาแฟอย่างไรให้ตรงกับการใช้งานดี Aroma มีคำแนะนำวิธีเลือกเครื่องชงกาแฟ
5 วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟ
ก่อนอื่นขอบอกทุกคนก่อนเลยว่าเครื่องชงกาแฟในปัจจุบันมีหลายเกรดและหลายประเภท ตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักแสน เครื่องชงกาแฟบางรุ่นที่ราคาสูงก็จะมีคุณสมบัติสูงตามขึ้นไปด้วย ตัวอย่างเช่น เครื่องชงกาแฟราคาสูงบางรุ่นสามารถชงกาแฟได้ทีละหลายๆ แก้ว หรือสามารถสกัดน้ำกาแฟออกมาด้วยระบบแรงดันอากาศ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งานต้องมีความรู้และความสามารถในการใช้งาน เพื่อดึงศักยภาพของเครื่องชงกาแฟออกมาอย่างเต็มที่ เครื่องชงประเภทนี้ค่อนข้างที่จะเหมาะกับการใช้สำหรับร้านกาแฟที่ต้องมีการทำกาแฟตลอดทั้งวัน โดยสามารถเลือกเครื่องชงกาแฟจากวิธีการเหล่านี้
1.เลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ถ้าหากคุณเป็นบาริสต้ามืออาชีพ คุณสามารถเลือกใช้เครื่องกาแฟแบบแมนนวล (Manual) ซึ่งจะทำให้กาแฟมีรสชาติดีที่สุด แต่ในขณะเดียวกันเป็นเพียงการใช้งานในบ้านทั่วไป การใช้เครื่องกาแฟอัตโนมัติถือเป็นตัวเลือกที่ดี คุ้มค่าและประหยัด ในขณะเดียวกันสำหรับร้านอาหารหรือสำนักงานการเลือกเครื่องชงกาแฟสำนักงานจะตอบโจทย์ได้ดีมากกว่าเครื่องชงแบบแมนนวล เพราะสะดวกไม่ว่าใครก็สามารถกดใช้งานได้ทันที ได้รสชาติคงที่ตลอดเวลา เหมาะกับเจ้าของร้านอาหารที่ไม่ได้ขายกาแฟเป็นหลัก ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเทรนลูกจ้างให้ใช้งานนั่นเอง
2.วัสดุของเครื่องชงกาแฟ
สำหรับวัสดุของเครื่องชงกาแฟก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะว่ามีผลต่อราคาและความทนทานของตัวเครื่อง ถ้าหากเครื่องชงกาแฟทำมาจากวัสดุอย่างสเตนเลสก็จะสามารถทนต่อการกัดกร่อนจากแร่ธาตุในน้ำได้มากกว่าวัสดุอย่างทองแดง ซึ่งก็จะยืดอายุการใช้งานได้นานมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของความหนาบางและการใช้พลาสติกเป็นส่วนประกอบในบางส่วนด้วย ซึ่งราคาก็แปรผันตามวัสดุเหล่านี้ด้วย หากเครื่องชงที่มีความหนาหรือมีวัสดุที่คงทนกว่าพลาสติกก็จะมีราคาที่สูงกว่า แต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากขึ้นตามไปด้วย
3.แบรนด์หรือประเทศที่ผลิต
เครื่องชงกาแฟส่วนมากจะผลิตขึ้นในโซนประเทศยุโรปอย่างอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน ฮอลแลนด์ และในสหรัฐอเมริกา เพราะประเทศเหล่านี้จะมีมาตรฐานในการผลิตที่สูง รวมถึงแบรนด์เหล่านี้ก็จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย รวมถึงแบรนด์เหล่านี้ก็จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าสินค้ามีคุณภาพดีซึ่งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหลายๆ แบรนด์ มีหลากหลายรุ่นเหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท อย่างไรก็ตามควรดูคุณภาพของวัสดุและความสะดวกในการหาอะไหล่ทดแทน กรณีเครื่องชำรุด หลายครั้งเครื่องกาแฟเสียแล้วไม่มีอะไหล่บริการเนื่องจากตกรุ่นไปแล้วหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ หากมีการซ่อมแซมก็จะรออะไหล่ก็ต้องใช้เวลานานหรือทำให้ต้องทิ้งเครื่องไปโดยปริยาย ทำให้คุณต้องเสียเวลาและเสียโอกาสในการขายกาแฟในร้าน
4.ดูแลง่ายอายุการใช้งานยาว
แม้ขั้นตอนการดูแลนั้นอาจดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับวิธีเลือกเครื่องชงกาแฟเลย แต่ก็เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะการเลือกเครื่องชงกาแฟที่หาอะไหล่สำรองได้ง่าย มีการดูแลรักษาและการทำความสะอาดไม่ยุ่งยากมากนัก เพราะกรณีที่เกิดความเสียหายและต้องเรียกช่างมาดูแล อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของการดูแลรักษาบ่อยๆ จึงทำให้การลงทุนกับเครื่องชงกาแฟบางเครื่องไม่คุ้มค่าอย่างที่คิด ดังนั้นในการเลือกเครื่องชงกาแฟก็ควรหาชนิดและรุ่นที่ตอบโจทย์ในการดูแลรักษาง่ายๆ สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้โดยไม่ต้องพึ่งช่างทุกครั้ง
5.การรับประกันและการดูแลจากผู้ขาย
หากจะตัดสินใจซื้อเครื่องชงกาแฟ คุณควรเช็กก่อนว่ามีการรับประกันจากผู้ขายอย่างไร มีการดูแลการใช้งาน และการตอบคำถามหากเกิดข้อสงสัยมากน้อยแค่ไหน หากมีวิดีโอสาธิตวิธีการใช้งานหรือมีเจ้าหน้าที่ดูแลหลังการขายถึงสถานที่ของคุณ จะทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น สำหรับเครื่องกาแฟแบบเครื่องใหญ่ การบริการล้างเครื่องแต่ละครั้งเริ่มต้นที่หลักหลายพัน จนถึงหลักหมื่นบาท ค่าบริการส่วนนี้ถือว่าราคาสูง ฉะนั้นจึงต้องเลือกผู้ขายที่มีการรับประกันและค่าใช้จ่ายในการบริการไม่สูง รวมถึงถ้ามีการรับประกันและบริการหลังการขายก็จะต้องนำมาพิจารณา ที่สำคัญอย่าลืมดูเงื่อนไขการรับประกัน หลายที่ให้การรับประกัน แต่มีเงื่อนไขมากมาย ที่ทางผู้จัดจำหน่ายไม่ได้แจ้งไว้ ควรถามให้ละเอียดถึงค่าใช้จ่ายที่อาจจะแอบแฝงไว้

เทคนิคเบื้องต้นเหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคนได้แล้ว และเมื่อมีเครื่องชงกาแฟพร้อมแล้วก็ต้องเลือกใช้วัตถุดิบร้านกาแฟที่มีคุณภาพดี เพื่อช่วยเสริมให้กาแฟออกมารสชาติอร่อยโดนใจอีกด้วย
WE ARE AROMA
Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน
เลือกซื้อเครื่องชงกาแฟ
Showing 1–4 of 27 results
-
Faema E98 UP 2 Gr
เครื่องชงกาแฟขนาด 2 หัวชง เหมาะสำหรับประกอบธุรกิจขนาดกลางขึ้นไป
ดูเพิ่มเติม -
Expobar Office Pulser 1 Gr
เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก 1 หัวชง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ
ดูเพิ่มเติม -
Expobar Office Control 1 Gr
เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก 1 หัวชง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ
ดูเพิ่มเติม -
Expobar Megacrem Minicon 2 Gr
เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก 2 หัวชง เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก - กลาง
ดูเพิ่มเติม