ใครที่เป็นนักดื่มชา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้จักหรือไม่เคยลิ้มรสของ “ชาเขียว” ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ  ไม่ใช่แค่ในประเทศที่มีการดื่มชาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอย่างประเทศแถบเอเชียเท่านั้น แต่ชาเขียวได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้วโปรดของคนทั่วโลกไปแล้ว นั่นเป็นเพราะคุณประโยชน์มากมายที่จะได้รับจากการดื่มเป็นประจำนั่นเอง  เพราะนอกจากจะเป็นเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นแล้ว ชาเขียวยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำของหวานได้อีกด้วย Aroma จึงจะชวนมาลองหยิบเอาชาเขียวมาเปลี่ยนให้เป็นเมนูหวานๆ ด้วย 5 สูตรของหวานเอาใจคอชาเขียวกันแบบเข้มข้นจนต้องปลื้มกันเลยทีเดียว

green tea

ชาเขียวแบบไหนเหมาะใช้ทำขนม?

เนื่องด้วยการได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้ชาเขียวถูกนำมาดัดแปลงเป็นส่วนผสมหลักในการทำของหวาน ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมหรือเบเกอรีต่างๆ แม้แต่ขนมพื้นบ้านหลายชนิดของประเทศญี่ปุ่นก็มีการนำชาเขียวมาเป็นส่วนผสมด้วยเช่นกัน แต่คำถามที่พบบ่อยคือ แล้วชาเขียวแบบไหนที่สามารถนำมาทำขนมได้? ซึ่งก่อนอื่นนั้นเราจะต้องทราบก่อนว่า ชาเขียวมีหลายชนิดด้วยกัน แต่หากจะแบ่งเป็นชนิดหลักๆ คือ จะแบ่งเป็นชาเขียวแบบจีนและชาเขียวแบบญี่ปุ่น โดยชาเขียวที่ได้รับความนิยมในบ้านเราจะเป็นชาเขียวแบบญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งชาเขียวญี่ปุ่นก็ยังมีแยกย่อยออกไปอีกหลายชนิด แต่ตอนนี้เราจะมาดูกันที่รูปแบบของชาเขียวว่ามีแบบไหนบ้างและแบบไหนที่เหมาะกับการนำมาทำขนมที่สุด

เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย เราสามารถแบ่งชาเขียวออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ

  • ชาเขียวแบบใบ แน่นอนว่าชาเขียวแบบนี้เป็นชาแบบที่มาเป็นใบ เราจะต้องนำไปชงกับน้ำร้อนก่อนแล้วจึงกรองใบออกเพราะใบไม่สามารถละลายในน้ำร้อนได้ คุณสมบัติของใบชาแต่ละชนิดก็จะให้ทั้งรสชาติและกลิ่นในระดับที่แตกต่างกันออกไปด้วย
  • ชาเขียวแบบผง ชาเขียวแบบนี้มาเป็นรูปแบบผงที่สามารถละลายในน้ำได้ โดยชาเขียวแบบผงที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ มัทฉะที่มีผงชาที่ละเอียดต่างจากชาเขียวแบบผงธรรมดาตรงที่ กรรมวิธีการผลิตในการนำใบชามาบดโดยไม่ผ่านความร้อนเพื่อสีของชาเขียวที่สด ใช้เป็นชาเขียวแบบชงดื่ม และให้สีเขียวสวยงาม มีกลิ่นที่หอม จึงสามารถนำมาประกอบอาหารและทำเบเกอรีได้

 

มาถึงตรงนี้เราก็พอจะสรุปกันได้แล้วว่า ชาเขียวที่เหมาะกับการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำขนมหวานนั่นก็ คือชาเขียวแบบผงมัทฉะ ที่สามารถละลายในน้ำได้พร้อมทั้งมีกลิ่นที่หอมและให้สีสันที่สดมีความสวยงาม เพื่อที่ในการทำขนมนั้นไม่จำเป็นต้องใช้สีผสมอาหารเลย ดังนั้นต่อไป Aroma ก็จะมาแนะนำสูตรขนมหวานที่ใช้ชาเขียวมาเป็นพระเอกหลักทั้ง 5 สูตรว่าจะมีเมนูไหนบ้างที่สาวกชาเขียวห้ามพลาด

green tea

5 สูตร! เอาใจคอชาเขียวแบบเข้มข้นจนต้องปลื้ม

1.  ไอศกรีมแท่งชาเขียวถั่วแดง

มาเริ่มต้นกันด้วยความสดชื่นกับเมนูยอดฮิตอย่าง ไอศกรีมแบบแท่งทานสะดวก ที่เพิ่มความพิเศษลงไปด้วยรสชาติของชาเขียวกันแบบเข้มข้น พร้อมถั่วแดงให้ได้หวานเย็นชื่นใจสไตล์ญี่ปุ่นฉบับทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งเครื่องทำไอศกรีมด้วยนะ

ส่วนผสม

  • ผงมัทฉะ
  • น้ำร้อน
  • น้ำตาลทราย (น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำผึ้ง) 
  • นมข้นหวาน 5 ช้อนโต๊ะ
  • เฮฟวี่ครีม (นมสดหรือนมถั่วเหลือง)
  • ถั่วแดงญี่ปุ่นชนิดหวาน
  • แม่พิมพ์ไอศกรีม
  • ไม้ไอศกรีม (แช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที)

ขั้นตอนการทำ

  • ใส่ผงมัทฉะ 4 ช้อนโต๊ะลงในถ้วยผสม ตามด้วยน้ำร้อน คนผสมให้ผงมัทฉะละลายจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • เติมน้ำตาลทรายลงไป 3-4 ช้อนโต๊ะ คนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย แล้วเติมนมข้นหวานลงไป 5 ช้อนโต๊ะ แล้วคนผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงเติมเฮฟวี่ครีมลงไป 350 มิลลิลิตร หรือประมาณ 1 ถึง 1/2 ถ้วย คนผสมให้เข้ากัน
  • เทส่วนผสมที่ผสมเข้ากันทั้งหมดแล้วลงแม่พิมพ์จนเกือบเต็ม นำไปแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมง
  • นำไอศกรีมออกจากช่องแข็ง ตักถั่วแดงใส่แล้วเสียบไม้ไอศกรีมลงไป นำไปแช่แข็งอีกครั้งประมาณ 5 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาแกะออกจากพิมพ์ (หากแกะไม่ออกให้นำพิมพ์ไปผ่านน้ำอุ่นแล้วค่อยๆ ดึงออก) เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

2. บราวนี่ชาเขียว

หากเบื่อกับบราวนี่สีเข้มแบบเดิมๆ ลองหันมาทำบราวนี่สีเขียวสดใสจากชาเขียวกันดูบ้าง สูตรนี้ให้เนื้อบราวนี่ที่หนึบหนับ หวานกำลังดี พร้อมกลิ่นหอมของมะพร้าวอบ รับรองได้ว่าจะต้องถูกใจ อร่อยไม่แพ้สูตรจากโกโก้แบบที่คุ้นเคยแน่นอน

ส่วนผสม

  • ไวท์ช็อกโกแลตชิพ
  • เนยละลาย
  • น้ำตาลทรายเเดง
  • ไข่ไก่
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์
  • ผงมัทฉะ
  • เกลือป่น
  • มะพร้าวอบแห้ง

ขั้นตอนการทำ

  • เตรียมถาดอบโดยรองกระดาษรองอบไว้ และเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส
  • นำเนย 50 กรัม น้ำตาลทรายแดง 1/3 ถ้วยตวง และไวท์ช็อกโกแลตประมาณ 1/2  ถ้วยมาละลายให้เข้ากัน ตอกไข่ไก่ 3 ฟองลงไปตีผสมเข้าด้วยกัน
  • ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยกับผงชาเขียว 4 ช้อนชาลงไปในอ่างผสม ใส่เกลือป่นลงไป คนตะล่อมให้เข้ากันแล้วเทใส่ถาดที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้สวยงาม
  • โรยหน้าด้วยมะพร้าวอบแห้งเเละไวท์ช็อกโกแลตที่เหลืออีก 1/2 ถ้วย จึงนำเข้าเตาอบประมาณ 10-15 นาที แล้วนำออกมาพักไว้จนเย็น จากนั้นนำไปเเช่ตู้เย็นอีกประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟ

3. เค้กชาเขียว

มาต่อกันที่เมนูสุดคลาสสิกกับเค้กชาเขียวเนื้อนุ่มหอมกลิ่นชาเขียวรสชาติเข้มข้นตัดกับครีมสดละมุนลิ้น ที่จะทำไว้ทานคู่กับชาเขียวร้อนหรือเย็นยามบ่าย หรือทำในโอกาสพิเศษเอาใจคนที่เรารักก็ได้นะ

ส่วนผสม ของแห้ง

  • แป้งเค้ก
  • ผงฟู
  • ผงมัทฉะ
  • เกลือป่น
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 1)

ส่วนผสม ไข่แดง

  • ไข่แดง
  • น้ำมันเมล็ดชา
  • น้ำ

ส่วนผสม ไข่ขาว

  • ไข่ขาว
  • น้ำตาลทราย (ส่วนที่ 2)
  • ครีมสด (สำหรับแต่งหน้าเค้ก)

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มจากส่วนผสมของแห้งกันก่อน โดยนำแป้งเค้กที่ร่อน 1/2 แล้วผสมกับผงฟู 1/2 ช้อนชา ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ และเกลือป่น 1/8 ช้อนชา ใส่น้ำตาลทรายส่วนที่ 1 ลงไป 1/4 ถ้วย เตรียมไว้
  • ต่อมาเป็นส่วนผสมไข่แดง โดยผสมไข่แดง 2 ฟอง น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำ 2 ช้อนโต๊ะเข้าด้วยกัน นำไปผสมกับแป้งที่ร่อนไว้ คนผสมให้เข้ากันจนเนียน และชาเขียวไม่เป็นเม็ด
  • ต่อด้วยส่วนผสมไข่ขาว ตีไข่ขาว 2 ฟอง กับน้ำตาลทราย ส่วนที่ 2 1/3 ถ้วย เข้าด้วยกันจนตั้งยอด แล้วเทผสมเข้ากับส่วนผสมชาเขียวที่เตรียมไว้ เทส่วนผสมทั้งหมดใส่พิมพ์ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที นำมาแต่งด้วยวิปปิ้งครีมหรือครีมสดและอื่นๆ ได้ตามชอบ

4. นามะช็อกโกแลตชาเขียว

สูตรต่อมา เป็นของหวานที่กำลังได้รับความนิยมอย่างนามะช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตสดตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่สูตรนี้ได้เพิ่มความเข้มข้นหอมกลิ่นชาเขียว เพื่อสัมผัสที่เพลิดเพลินมากขึ้นของเนื้อนามะละมุนลิ้นพอดีคำ ทำเองได้แสนง่าย

ส่วนผสม

  • ไวท์ช็อกโกแลต
  • เฮฟวี่ครีมหรือวิปปิ้งครีม
  • เนยจืด (อุณหภูมิห้อง)
  • ผงมัทฉะ
  • พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8×8 นิ้ว

ขั้นตอนการทำ

  • เริ่มจากทำไวท์ช็อกโกแลตให้เป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 400 กรัม อุ่นเฮฟวี่ครีมหรือวิปปิ้งครีม 125 กรัมจนร้อนแล้วเทลงบนไวท์ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ เติมเนยจืดอุณหภูมิห้อง 25 กรัม ลงไป คนให้เข้ากัน
  • จากนั้นเติมผงชาเขียวลงไป คนให้ละลายจนเป็นเนื้อเดียว เทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษรองอบ แล้วนำเข้าตู้เย็นให้เซตตัว ประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนก็ได้
  • เมื่อนามะช็อกโกแลตชาเขียวเซตตัวแล้ว ก่อนหั่นให้นำมีดไปจุ่มในน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งแล้วนำมาตัดนามะให้เป็นชิ้นพอดีคำ จึงโรยด้วยผงมัทฉะ เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

5. วาฟเฟิลชาเขียว

มาถึงสูตรเมนูสุดท้ายที่จะทานเป็นของว่างหรืออาหารเช้าก็ทำเองได้ง่ายๆ แต่ลองเปลี่ยนมาเพิ่มรสชาติด้วยชาเขียว พร้อมความหอมของวานิลลาและความละมุนของนมอัลมอนด์ให้กับเนื้อแป้ง แค่นี้ก็ได้วาฟเฟิลจานพิเศษไว้ทานกันแล้ว

ส่วนผสม ของแห้ง

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สูตรไม่มีกลูเตน)
  • ผงฟู
  • เบกกิ้งโซดา
  • ผงชาเขียว

ส่วนผสม ของเหลว

  • ไข่ไก่
  • น้ำผึ้ง
  • กลิ่นวานิลลา
  • นมอัลมอนด์ (สูตรไม่หวาน)
  • น้ำมันมะพร้าว

ขั้นตอนการทำ

  • เตรียมเตาวาฟเฟิลโดยใช้ความร้อนปานกลาง
  • ร่อนและผสมของแห้งทั้งแป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา ผงชาเขียว 1 ช้อนชา ถึง 1/2 ช้อนชา ให้เข้ากัน แล้วพักไว้
  • ต่อมาทำส่วนผสมของเหลว โดยผสมไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา และนมอัลมอนด์ 1 ถ้วย เข้าด้วยกัน จากนั้นค่อยๆ ใส่ส่วนผสมของแห้งทั้งหมดลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วจึงใส่น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะลงไปตีผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • จากนั้นตักส่วนผสมแป้ง 1/2 ถ้วย หยอดใส่เตาวาฟเฟิลรอให้สุกประมาณ 2 ถึง 2.30 นาที จึงนำออกมาจัดใส่จาน บีบวิปครีมพร้อมราดน้ำผึ้ง โรยช็อกโกแลตชิพลงไปก็พร้อมเสิร์ฟ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สูตรเมนูของหวานจากชาเขียว ที่ Aroma ได้มาบอกต่อกัน คงจะถูกใจใครที่เป็นสาวกชาเขียวหลายๆ คนได้ตามไปลองทำกันดู แนะนำว่าการทำขนมออกมาให้ได้กลิ่นและรสชาติของชาเขียวแบบเข้มข้นหอมกรุ่น จะต้องเลือกใช้ผงชาเขียวโดยเฉพาะมัทฉะคุณภาพสูงอย่างของทาง Aroma ของเราที่สามารถนำมาชงเป็นเครื่องดื่มและเหมาะกับการทำขนมและเบเกอรีอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็ได้รับรองได้ว่าทุกเมนูชาเขียวของคุณจะได้รสสัมผัสของชาเขียวต้นตำรับแท้ๆ อย่างแน่นอน

ค้นหาชาเขียวคุณภาพเยี่ยมจาก AROMA

WE ARE AROMA

Aroma Group คือผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร ที่มีความเชี่ยวชาญ และสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี ธุรกิจของเราครอบคลุมตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การคัดสรรและจัดจำหน่ายวัตถุดิบชั้นดี การจำหน่ายเครื่องชงกาแฟ และอุปกรณ์คุณภาพสูง สถาบันสอนพัฒนาธุรกิจร้านกาแฟ รวมถึงธุรกิจร้านกาแฟ จวบจนวันนี้ Aroma Group ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากมายทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมชั้นนำ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และร้านเบเกอรี่ ทั้งจากตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ Aroma กว่า 2,000 ราย ร้านค้าปลีกกว่า 7,000 ร้านค้า และ Aroma Shop กว่า 30 ร้าน พร้อมเสียงตอบรับที่มากขึ้นทุกวัน

อ้างอิง